svasdssvasds

ผลวิจัยใหม่เผยหิมะตกบนเทือกเขาแอลป์ลดลง 34% ในรอบ 100 ปี

ผลวิจัยใหม่เผยหิมะตกบนเทือกเขาแอลป์ลดลง 34% ในรอบ 100 ปี

ผลการศึกษาใหม่ล่าสุด ของทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ Eurac ในอิตาลี เปิดเผยว่า ปริมาณหิมะที่ตกลงมาบนเทือกเขาแอลป์ ลดลง 1 ใน 3 หรือราว 34% ในรอบ 100 ปี ขณะที่บางประเทศ อย่าง อิตาลี, สโลวีเนีย ออสเตรีย สูญเสียหิมะเกือบครึ่งหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน

SHORT CUT

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change น่ากลัวกว่าที่คิด เพราะกำลังทำให้หิมะบนเทือกเขาแอลป์ ลดลงไปถึง 34% มากที่สุดในรอบ 100 ปี 
  • หิมะมีความสำคัญในฐานะแหล่งกักเก็บน้ำ หล่อเลี้ยงธารน้ำแข็ง ลำธารบนภูเขา ถ้าหิมะน้อยลงแสดงว่า แหล่งน้ำสำคัญๆ ก็จะค่อยๆ หายไปด้วย

  • การลดลงของหิมะ สะเทือนถึงหลายประเทศที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยว และ การเล่นสกีในฤดูหนาว ที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ผลการศึกษาใหม่ล่าสุด ของทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ Eurac ในอิตาลี เปิดเผยว่า ปริมาณหิมะที่ตกลงมาบนเทือกเขาแอลป์ ลดลง 1 ใน 3 หรือราว 34% ในรอบ 100 ปี ขณะที่บางประเทศ อย่าง อิตาลี, สโลวีเนีย ออสเตรีย สูญเสียหิมะเกือบครึ่งหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน

การศึกษาครั้งนี้เป็นหนึ่งในการศึกษาแรกๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งเทือกเขาแอลป์และใช้เวลาศึกษาค่อนข้างนาน แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่หิมะละลายเป็นน้ำมากขึ้น ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

เป็นที่ทราบกันดีว่าหิมะที่ปกคลุมบนเทือกเขาแอลป์เริ่มตกเป็นจุดหย่อม ๆ แต่การศึกษาที่นำโดยนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัย Eurac ในอิตาลี เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่พิจารณาสถานการณ์นี้อย่างกว้างไกล หลังจากผลการศึกษาใหม่บ่งชี้ว่าในระหว่างปี 1920 ถึงปี 2020 มีหิมะตกลดลงเฉลี่ย 34% ทั่วเทือกเขาแอลป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณเนินเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ผลวิจัยใหม่เผยหิมะตกบนเทือกเขาแอลป์ลดลง 34% ในรอบ 100 ปี

Michele Bozzoli นักอุตุนิยมวิทยาสิ่งแวดล้อมที่ศูนย์วิจัย Eurac และ ผู้เขียนหลักของการศึกษาใหม่ ระบุว่า มีแนวโน้มเชิงลบอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของหิมะตกใหม่ที่โปรยปรายลงมาบนเทือกเขาแอลป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังปี 1980 ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพอๆ กัน หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของเทือกเขาที่สูงที่สุดและกว้างที่สุดของยุโรปไปอย่างมาก

ผสานข้อมูลจากบันทึกที่จดด้วยลายมือและข้อมูลสภาพอากาศจากเทคโนโลยีขั้นสูง

นักวิทยาศาสตร์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณหิมะและปริมาณน้ำฝนที่ตกตามฤดูกาล จากพื้นที่ 46 แห่ง ทั่วเทือกเขาแอลป์ ไล่ตั้งแต่ฝรั่งเศสไปจนถึงสโลวีเนีย

นอกจากนี้ยังนำข้อมูลล่าสุดที่ได้มาจากสถานีตรวจอากาศสมัยใหม่ มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่รวบรวมจากบันทึกที่เขียนด้วยลายมือโดยผู้สังเกตการณ์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นการพิเศษ ซึ่งบันทึกว่ามีหิมะตกกี่นิ้วในสถานที่ที่กำหนดไว้

ศูนย์วิจัย Eurac ยังรวมมือกับสำนักงานอุตุนิยมวิทยา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มอาสาสมัครและมหาวิทยาลัยเทรนโต เพื่อสร้างและเชื่อมโยงภาพรวมของปริมาณหิมะที่ตกบนเทือกเขาแอลป์อย่างครอบคลุม ตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี

ประเทศใดที่สูญเสียหิมะมากที่สุด และเหตุใดจึงเป็นปัญหา?

สถานการณ์แตกต่างกันออกไป ไล่ตั้งแต่ปริมาณหิมะที่ลดลง 23% ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ไปจนถึงหิมะที่ตกลดลงเกือบ 50% บนเนินเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่ง Michele Bozzoli ระบุว่า แนวโน้มเชิงลบมากที่สุดเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับความสูง 2,000 เมตร และอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเทือกเขาแอลป์ เช่น อิตาลี สโลวีเนีย และบางส่วนของเทือกเขาออสเตรียน แอลป์

ในเชิงเขาอัลไพน์ทางตอนเหนือ อย่าง สวิตเซอร์แลนด์และทีโรลเหนือในอิตาลี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทสำคัญของระดับความสูงด้วย

แม้ว่าปริมาณหยาดน้ำฟ้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว แต่ปริมาณหิมะก็จะกลายเป็นฝนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อตกโปรยปรายลงมาบนระดับความสูงที่ต่ำกว่า เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในพื้นที่ทางใต้ อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นที่แม้ในระดับที่สูงกว่าของเทือกเขาแอลป์ ก็มักพบว่าฝนตกลงมามากกว่าหิมะอยู่บ่อยครั้ง

Michele Bozzoli อธิบายว่า นั่นเป็นข่าวร้ายด้วยเหตุผลหลายประการ เนื่องจาก หิมะมีความสำคัญในฐานะแหล่งกักเก็บน้ำ หล่อเลี้ยงธารน้ำแข็ง ลำธารบนภูเขา และเมื่อหิมะละลายอย่างช้าๆ ในฤดูใบไม้ผลิ ก็จะช่วยเติมแหล่งน้ำสำรองขึ้นอย่างช้าๆ

การเล่นสกีและการท่องเที่ยวก็มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในพื้นที่เหล่านี้เช่นกัน และไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หากปราศจากหิมะ

Michele Bozzoli เสริมว่า ปริมาณหิมะที่ลดลงไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อกีฬาฤดูหนาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมและกระบวนการทั้งหมดที่ต้องอาศัยน้ำด้วย ซึ่งประเด็นนี้ไม่อาจถูกละเลยหรือถูกมองข้ามในการวางแผนนโยบายการบริหารจัดการน้ำได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Climatology ยังเน้นย้ำถึงคุณสมบัติการสะท้อนแสงที่มีความสำคัญของหิมะ ซึ่งมีอิทธิพลต่อรูปแบบสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอีกด้วย

ที่มา : Euronews

related