SHORT CUT
กลุ่มสตรีอาวุโสที่รู้จักกันในชื่อ KlimaSeniorinnen ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 2,000 คน และสมาชิกเกือบทุกคนมีอายุมากกว่า 64 ปี
เมื่อวันอังคารที่ 9 เม.ย.67 ศาลชี้ขาดให้กลุ่มสตรีอาวุโสชนะคดี รัฐต้องเร่งแก้ไขนโยบายแก้โลกร้อนที่ล้าช้า
ชัยชนะแรกของประชาชน! กลุ่มหญิงสูงอายุชาวสวิตเซอร์แลนด์ ชนะคดี ฟ้องรัฐ ข้อหาแก้โลกร้อนล่าช้าและมีช่องโหว่ ทำให้กลุ่มคนที่อายุเยอะและเป็นสตรีเพศต้องได้รับความเสี่ยง
เพราะเรื่องโลกร้อนเป็นเรื่องของทุกคน และบางทีปัญหาสุขภาพอาจไม่ได้มาจากพฤติกรรมของผู้คนเสมอไป แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีสุขภาพหรือการดำรงชีพที่ดี
ถือเป็นชัยชนะที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนชาวสวิตเซอร์แลนด์ไม่น้อย หลังเมื่อวันอังคารที่ 9 เม.ย.67 ศาลสิทธิมนุษยชนสูงสุดแห่งยุโรปได้ทำการตัดสิน คดีการฟ้องร้องระหว่าง โจทก์ คือกลุ่มสตรีอาวุโสที่รู้จักกันในชื่อ KlimaSeniorinnen ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 2,000 คน และสมาชิกเกือบทุกคนมีอายุมากกว่า 64 ปี
กับจำเลย ซึ่งก็คือรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ในข้อหา รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศช้าและยืดเยื้อ
เป็นเวลากว่า 9 ปีที่กลุ่มสตรีอาวุโส KlimaSeniorinnen ต่อสู้กับคดีนี้ อลิซาเบธ สมาร์ท (Elisabeth Smart) วัย 76 ปี หนึ่งในแกนนำสมาชิกกล่าวกับ BBC News ว่า
“เธอได้เห็นสภาพอากาศในสวิตเซอร์แลนด์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ตั้งแต่เธอเติบโตขึ้นที่ฟาร์ม และใช่ สภาพอากาศมันไม่ได้เอื้อให้เราสามารถนั่งเก้าอี้โยกและถักนิกติ้งได้”
นอกจากนี้ เพศและอายุทำให้พวกเขาเสี่ยงได้รับผลกระทบของคลื่นความร้อนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และพวกเขามองว่า นโยบายแก้โลกร้อนของรัฐบาลสวิสฯช้าเกินไปและมีช่องโหว่
ในที่สุด ศาลก็ตัดสินให้กลุ่มสตรีอาวุโสชนะคดี โดยซิโอฟรา โอเลียรี ประธานศาลกล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังไม่เพียงพอ และพบว่ายังมีช่องโหว่ในนโยบายแก้โลกร้อน อีกทั้งยังล้มเหลวในการกำหนดงบประมาณคาร์บอนระดับชาติ
เป็นที่ชัดเจนว่าคนรุ่นต่อ ๆ ไปมีแนวโน้มที่จะต้องแบกรับภาระที่รุนแรงขึ้นจากผลที่ตามมาของความล้มเหลวและการละเลยของรัฐในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ศาลชี้ว่า คดีนี้เป็นคดีที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ และมีผลต่อการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่มีผลกับอีก 46 ประเทศที่ลงนามในอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งหมายความว่า การตัดสินนี้ได้รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย มิใช่เพียงแค่สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น
ดังนั้น ในฐานะจำเลย รัฐบาลสวิสฯจะต้องดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้น หากไม่ปรับปรุงนโยบาย จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในระดับชาติ และศาลอาจมีบทลงโทษทางการเงิน
ก่อนหน้านี้ หลายปีมากแล้วจนถึงปัจจุบัน มีกลุ่มคนน้อยใหญ่ พยายามที่จะร้องเรียนรัฐบาลของตนในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศล่าช้าหรือมีปัญหาไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประชาชน
เช่น ศาลในออสเตรเลีย บราซิล เปรู และเกาหลีใต้ กำลังมีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ และล่าสุด เดือนมีนาคมที่ผ่านมาศาลอินเดียก็มีคำตัดสินว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะได้อิสระจากผลกระทบด้านลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รัฐบาลทั่วโลกได้ลงนามร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก ซึ่งเป็นก๊าซที่ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกอุ่นขึ้นเมื่อเราเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซ
แต่ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์และนักเคลื่อนไหวกล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ความคืบหน้าในการลดก๊าซเรือนกระจกนั้นช้าเกินไป และโลกยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถบรรลุข้อจำกัดในการทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่สูงมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส
ที่มาข้อมูล
Reuters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง