SHORT CUT
ในช่วงปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปีนี้สถานการณ์ไฟป่าทั่วโลกมีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากโลกร้อน อุณหภูมิโลกสูงขึ้น และน้ำมือของมนุษย์ ซึ่งไฟป่าแต่ละสร้างความเสียทั้งกับชีวิตและทรัพย์สิน และที่สำคัญทำร้ายโลกด้วย
ไฟป่าเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นและยิ่งอัปเลเวลความรุนแรงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถิติไฟป่าทั่วโลกเกิดตัวเลขที่เป็นสถิติใหม่ขึ้นมากมาย ตั้งแต่ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ รวมถึงเอเชีย
จากรายงานของ UNEP และ GRID-Arendal พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินกำลังทำให้ไฟป่าเลวร้ายลง และคาดว่าจะเกิดไฟป่าที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก ไฟป่าที่รุนแรงอาจสร้างความเสียหายต่อผู้คน ความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศ นอกจากนี้ยังทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกลอยสู่ชั้นบรรยากาศ
ในปี 2023 จนถึงปีนี้มีเหตุการณ์ไฟป่าเกิดขึ้นทั่วโลก สร้างความเสียหายกับสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ และความแข็งแรงของโลก ข้อมูลของ Copernicus Atmosphere Monitoring Service หรือ CAMS ได้ติดตามสถานการณ์ไฟป่าทั่วโลกอย่างใกล้ชิด โดยให้ข้อมูลความรุนแรงของไฟป่าและการปล่อยก๊าซคาร์บอนผ่านระบบดูดกลืนไฟทั่วโลก (GFAS) หลายภูมิภาคประสบปัญหาไฟป่าที่ทำลายสถิติ จะมีที่ไฟป่าที่ไหนบ้าง? มาดูกัน
ไฟป่าแคนาดาในปีที่ผ่านมามีความรุนแรงมาก นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟป่าเป็นฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจมากขึ้นหากเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งไฟป่าครั้งนี้ทำให้ประชาชนต้องอพยพย้ายถิ่นกว่า 26,000 คน และควันจากไฟยังกระจายไปยังประเทศใกล้เคียงตั้งแต่สหรัฐอเมริกาไปจนถึงนอร์เวย์ที่ห่างออกไป 4,800 กิโลเมตร ไฟป่าในแคนาดาได้เผาผลาญพื้นที่ไป 112.5 ล้านไร่ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไปประมาณ 480 ล้านตัน
เหตุการณ์ไฟป่าที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถทำแนวกันไฟได้เพียง 3% เท่านั้น ด้วยสภาาพอากาศที่แห้งแล้งและกระแสลมแรง ทำให้ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เผาพื้นที่ไปกว่า 2.15 ล้านไร่ รุนแรงจนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
ไฟป่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาค Evros ของมาซิโดเนียตะวันออกและเมือง Thrace ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนตุรกี ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตและการอพยพอย่างน่าเศร้า จากเหตุการณ์ไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่ไป 1.1 ล้านไร่ ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกือบ 2 เมกะตัน
ไฟป่าที่สเปนไฟป่าครั้งใหญ่เริ่มต้นที่ชายแดนระหว่างอารากอนและบาเลนเซีย จากนั้นได้มีไฟป่าขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นบนเกาะเตเนรีเฟของสเปนและลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546
โปรตุเกสทางตะวันตกเฉียงใต้ประสบกับไฟป่าขนาดใหญ่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนสิงหาคมปี 2023 ซึ่ง CAMS เก็บข้อมูลพบว่าการเกิดไฟป่าขนาดใหญ่มีสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 20 ปีอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุการณ์ไฟป่าอินโดนีเซียปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียนตอนบนที่อยู่ไกลออกไปทางเหนือ และสร้างหมอกควันไฟป่า ทำให้คุณภาพอากาศแย่และส่งผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน
อีกเหตุการณ์ไฟป่าที่รุนแรงซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศชิลี เผาพื้นที่ป่าไปเกือบ 2 แสนไร่ บ้านเรือนประชาชนถูกเผาไปกว่า 3,000 หลัง อีกทั้งยังพบผู้เสียชีวิตนับร้อยราย ส่วนสาเหตุคาดว่าทั่วประเทศมีอากาศร้อนผิดปกติจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยไฟป่าชิลีครั้งนี้มีความรุนแรงที่สุดที่เคยมีมา และปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 4 เมกะตัน
โคลอมเบียเผชิญอากาศร้อนที่สุดในรอบหลายศตวรรษ ทำให้เกิดไฟป่าหลายครั้งหลายหน หากนับความเสียหายรวมสูญเสียพื้นที่ป่าไปกว่า 106,250 ไร่ ประชาชนเผชิญคุณภาพอากาศเลวร้าย ต้องปิดล็อคประตูหน้าต่างให้มิดชิด
อาร์เจนตินาเกิดไฟป่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับสูงเช่นเดียวกัน ในภูมิภาคกอร์เรียนเตส เหตุการณ์ไฟป่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 20 ปี ด้วยคลื่นความร้อนทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น ทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์
ไฟป่าครั้งใหญ่ในประเทศโบลิเวียที่ไฟได้เผาผลาญกินพื้นที่หลายพันไร่ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่สูงถึง 30 เมกะตัน แต่โชคดีที่ระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาค
ไฟป่าบราซิลครั้งใหญ่ เกิดที่รัฐโรไรมา ซึ่งเจอกับภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 17 ปี โดยเดือนกุมภาพันธุ์เดือนเดียว รัฐโรไรมาเกิดไฟป่ามาแล้ว 1,691 ครั้ง พื้นที่บริเวณที่เกิดไฟป่าพบว่ามีสัตว์นอนตายเป็นจำนวนมากในสภาพที่ถูกไฟคลอก
ไฟป่าออสเตรเลีย
เกิดไฟป่ารุนแรงในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ลุกลามไปยังอาคารบ้านเรือนมากกว่า 100 หลัง โดยช่วงก่อนที่จะเกิดไฟป่าสภาพอากาศอากาศร้อนจัด มีลมพัดแรง ทำให้เมื่อไฟป่าเกิดขึ้นและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว อาศัยนักดับเพลิงนับ 400 คน เพื่อควบคุมเพลิง นอกจากนี้ยังมีสัตว์ตายไปเกือบ 100 ตัว
ที่มา : UNEP / CNN
เนื้อหาที่น่าสนใจ :