svasdssvasds

เอลนีโญทำให้อากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ จากแอมะซอนลามไปอะแลสกาแล้ว

เอลนีโญทำให้อากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ จากแอมะซอนลามไปอะแลสกาแล้ว

นักวิทยาศาสตร์พบว่าเอลนีโญมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงขึ้น ทำให้ความร้อนทั่วโลกเพิ่มขึ้นในปี 2024 และอาจสร้างอุณหภูมิที่ทำลายสถิติอย่างที่เคยเกิดขึ้นในแอมะซอน (Amazon) ตอนนี้ลามไปยังอะแลสกา (Alaska) แล้ว

SHORT CUT

  • จากแบบจำลองคอมพิวเตอร์ 90% มีโอกาสที่อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น อากาศร้อนจนทำลายสถิติเก่า และเกิดสถิติใหม่ขึ้น
  • อุณหภูมิโลกที่อบอุ่นขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของคลื่นความร้อนในทะเลตลอดทั้งปี เพิ่มความเสี่ยงด้านลบในอะแลสกา
  • เอลนีโญบวกกับระดับคาร์บอนไดออกไซด์ฝีมือมนุษย์ ส่งผลให้วัฏจักรสภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนไป

นักวิทยาศาสตร์พบว่าเอลนีโญมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงขึ้น ทำให้ความร้อนทั่วโลกเพิ่มขึ้นในปี 2024 และอาจสร้างอุณหภูมิที่ทำลายสถิติอย่างที่เคยเกิดขึ้นในแอมะซอน (Amazon) ตอนนี้ลามไปยังอะแลสกา (Alaska) แล้ว

ปรากฏการณ์ธรรมชาติเอลนีโญ ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้น โดยในปี 2023 อากาศร้อนทุบสถิติเป็นว่าเล่น 

เอลนีโญทำให้อากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ จากแอมะซอนลามไปอะแลสกาแล้ว

โลกร้อนขึ้น อุณหภูมิสูงจนเกิดสถิติใหม่

ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ ยุโรปและจีน อเมริกาใต้ และมาดากัสการ์ ในขณะที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้น

การวิเคราะห์ใหม่โดยใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อระบุฮอตสปอตในภูมิภาคต่างๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 พบว่า 90% มีโอกาสที่อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น อากาศร้อนจนทำลายสถิติเก่า และเกิดสถิติใหม่ขึ้น

“คลื่นความร้อนที่รุนแรงและพายุหมุนเขตร้อน เมื่อรวมกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ พื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีประชากรหนาแน่น กำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่อย่างรวดเร็ว ซึ่งท้าทายความสามารถในการปรับตัว การบรรเทา และการบริหารความเสี่ยง” ผู้เชี่ยวชาญจาก Chinese Academy of Meteorological Sciences กล่าว

เอลนีโญทำให้อากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ จากแอมะซอนลามไปอะแลสกาแล้ว

เอลนีโญและก๊าซเรือนกระจกเร่งให้โลกร้อนขึ้น

อุณหภูมิโลกที่อบอุ่นขึ้นจนถึงขั้นทำให้อากาศร้อน เพิ่มความเสี่ยงของคลื่นความร้อนในทะเลตลอดทั้งปี และเพิ่มความเสี่ยงของไฟป่าและผลกระทบด้านลบอื่นๆ ในอะแลสกา (Alaska)และแอ่งแอมะซอน

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทะเลและพื้นที่ชายฝั่งมีความเสี่ยงเป็นพิเศษเนื่องจากมหาสมุทรสามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่าพื้นดิน หมายความว่าสภาพอากาศที่ร้อนจะคงอยู่บริเวณนั้นเป็นระยะเวลานานขึ้น

ปรากฎการณ์เอลนีโญและลานีญา บวกกับระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นฝีมือของมนุษย์ ส่งผลให้วัฏจักรสภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนไป และทำให้ความร้อนทั่วโลกสูงขึ้น อากาศจะร้อนขึ้นอีก 

เอลนีโญทำให้อากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ จากแอมะซอนลามไปอะแลสกาแล้ว

อะแลสกาอาจเป็นรายต่อไปที่ได้รับผลกระทบโลกร้อน

นักวิทยาศาสตร์พบว่าอุณหภูมิที่สูงทำลายสถิติในแอมะซอนมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นอีกในปี 2567 และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ารุนแรง เกิดความแห้งแล้ง และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเดือนกุมภาพันธ์ได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นแล้ว 

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าความร้อนที่บันทึกได้ในอะแลสกาจะส่งผลให้ธารน้ำแข็งและชั้นดินเยือกแข็งละลาย และเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง และจากการศึกษานี้ในการบันทึกอุณหภูมิที่สังเกตได้ และสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์เอลนีโญและผลกระทบอื่นๆ ต่อส่วนที่เหลือของโลก เพื่อคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในปี 2024 ได้

 

ที่มา : The Guardian

 

เนื้อหาที่น่าสนใจ :