ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า วันพืชมงคลของทุกปี เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ฤดูฝน และการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีของเกษตรกรไทย แต่ปี2566 นี้ ครึ่งปีหลังเป็นห่วงห่วงเอลนีโญ ทำให้ภัยแล้งลุกลามกดดันผลผลิตข้าวนาปีในปี66 ลดลง 4.1-6.0%
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า วันพืชมงคลของทุกปี เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ฤดูฝน และการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีของเกษตรกรไทย และด้วยราคาข้าวที่ยืนสูงจะจูงใจให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงปลูกข้าวนาปี แม้ต้นทุนการผลิตสูง โดยราคาข้าวในตลาดโลกที่ยืนสูงต่อเนื่องมาจากแรงหนุนในตลาดโลกที่มีความต้องการสูงเพื่อรับมือกับวิกฤตความมั่นคงด้านอาหาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันพืชมงคล 2566 พระโคเสี่ยงทาย หญ้า เหล้า น้ำท่าบริบูรณ์ เศรษฐกิจรุ่งเรือง
เปิดผลเสี่ยงทายพระโคกินอะไร ผ้านุ่ง-ของกิน 7 สิ่ง "วันพืชมงคล 2565" ปีนี้?
วันพืชมงคล 2565 คืออะไร ความหมาย ที่มา พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ทั้งนี้มีปัจจัยต่างๆมากมายที่ทำให้ราคาข้าวสูง เช่นได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ดันราคาธัญพืชโลก พร้อมทั้งมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดีย จากสต็อกข้าวลดลงประกอบกับสภาพอากาศที่เลวร้าย สร้างความเสียหายต่อผลผลิตข้าวในผู้ผลิตหลัก และผู้บริโภครายใหญ่อย่างจีนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ
ราคาข้าวในตลาดโลกดี หนุนส่งออกโต
อย่างไรก็ตามแม้ว่าความต้องการข้าวในตลาดโลกจะสูงขึ้นและไทยมีความพร้อมด้านผลผลิตมากกว่าคู่แข่ง จึงเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นหนุนราคาส่งออกข้าวไทยและส่งผลมายังราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ให้ยืนอยู่ในระดับสูงเช่นกันโดยในช่วง4เดือนแรกของปี2566(ม.ค.-เม.ย.)ราคาส่งออกข้าวไทยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น16.3% และราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในประเทศเพิ่มขึ้น18.1%
ดังนั้นจึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงปลูกข้าวนาปีและดูแลต้นข้าวเป็นอย่างดีแม้จะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตในระดับสูง(ราคาปุ๋ยเคมี,ยากำจัดแมลงและศัตรูพืช,ราคาพลังงาน)และต้องเผชิญกับปริมาณน้ำฝนที่ลดลงในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนสะสมเฉลี่ยทั้งประเทศของไทยในช่วงวันที่1ม.ค.-14 พ.ค. 2566 พบว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมมีน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว57% และยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ 28%
ครึ่งปีหลัง2566 ห่วงเอลนีโญ ฉุดผลผลิตข้าว
สำหรับปัจจัยลบที่น่ากังวล คือ ไทยมีโอกาสเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงครึ่งหลังของปี2566 ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ผลผลิตข้าวนาปีอาจได้รับความเสียหายมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงหลังการเพาะปลูกในเดือนพ.ค.ไปแล้วจะเป็นช่วงที่ต้นข้าวต้องการน้ำมากขึ้น เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตก่อนที่จะพร้อมเก็บเกี่ยว จึงต้องติดตามปริมาณน้ำฝน และภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนปี2566 จะน้อยกว่าปีก่อนและน้อยกว่าค่าเฉลี่ยราว5%
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าหากช่วงแรกของการเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญในปี2566 ไม่รุนแรงนัก รวมถึงภาวะฝนทิ้งช่วงกินเวลาไม่นาน คาดว่าผลผลิตข้าวนาปีในปี2566 อาจลดลงราว4.1-6% หรือคิดเป็น 25.1-25.6 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตข้าวนาปีส่วนใหญ่จะเป็นข้าวที่ปลูกนอกเขตชลประทาน ขณะเดียวกัน เมื่อรวมกับผลผลิตข้าวนาปรังที่ราว7.6 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น23.4% จะทำให้ผลผลิตข้าวรวมของไทยในปี 66 อาจอยู่ที่ราว32.7-33.2 ล้านตัน หรือเฉลี่ยแล้วยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่0.3%
ซึ่งคาดว่าจะเป็นปริมาณผลผลิตข้าวรวมที่ยังเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ และการส่งออกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อย่างไรก็ดีหากเกิดภาวะแล้งจัดหรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานก็อาจทำให้ผลผลิตข้าวนาปีเสียหายมากขึ้น และอาจกระทบต่อผลผลิตข้าวรวมทั้งประเทศให้ต่ำกว่ากรอบที่ประเมินไว้
“ปรากฏการณ์เอลนีโญ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนที่สะสมมาในช่วงปลายปี 2566 ให้ลดลง ซึ่งเป็นน้ำเพื่อใช้สำหรับปลูกข้าวนาปรังในปี 2567 ประกอบกับการคาดการณ์ว่าเอลนีโญน่าจะกินระยะเวลานาน จึงมีความเสี่ยงที่ทั้งผลผลิตข้าวนาปรัง และนาปีของไทยในปี 2567 คงจะลดลง”
สำหรับแนวทางการรับมือ และคงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน คือ การวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาครัฐ คงต้องเตรียมตัวรับมือกับการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง เครื่องมือ-เครื่องจักร ในการสนับสนุนน้ำเพื่อการเพาะปลูก เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถบรรทุกน้ำ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อผลผลิตสินค้าเกษตร และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของไทยในอนาคต