รัฐบาลสวีเดน ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จนถูกเกรตา ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเยาวชนฟ้องร้อง โทษฐานล้มเหลวในการจัดการ
เธอมาไกลมากจริง ๆ สำหรับนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเยาวชนคนดังอย่าง เกรตา ธันเบิร์ก มารอบนี้ เธอไม่ยอมแล้ว หากใครยังจำได้ ย้อนไปในปี 2018 ขณะที่เธอมีอายุได้ 15 ปี เธอเริ่มทำการประท้วงอย่างเข้มแข็งตัวคนเดียวหน้ารัฐสภาสวีเดน ในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่น้อยคนนักจะฉุกคิดกันเรื่องนี้ การประท้วงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนำไปสู่สปอร์ตไลท์ที่ใหญ่ขึ้นกับการไปขึ้นพูดบนเวทีของ UN ว่าเธอในฐานะเยาวชนคิดเห็นอย่างไรต่อโลกที่กำลังย่ำแย่ลง
มาวันนี้เธอยังไม่ละทิ้งความพยายามทั้งหมดที่สร้างมา กับการเรียกร้องด้านการลงมือทำของผู้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งวันนี้ เธอได้กลับมาบ้านเกิดของเธออีกครั้ง และได้ทำการสั่งฟ้องร้องทางกฎหมายกับรัฐบาลสวีเดน กรณีไม่สามารถดำเนินมาตรการที่อย่างเข้มแข็งและเพียงพอเพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เกรตา ธันเบิร์ก เด็กและผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกัน ไปยื่นฟ้องกันเป็นกลุ่มต่อรัฐสวีเดน ให้ดำเนินการทางกฎหมาย โดยการฟ้องร้องในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องร้องทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศระหว่างประเทศ ซึ่งนี่เป็นเพียงการตอกย้ำ หลังเมื่อ 2 ปีก่อน เธอก็ได้ฟ้องร้องในกรณีเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกรตา ธันเบิร์ก ปฏิเสธเข้าร่วม COP27 ย้ำชัดว่าคืองานฟอกเขียว ดีแต่พูด
ก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ช่วยลดโลกร้อนทันไหม
การฟ้องร้องนี้เป็นไปตามคดีดังในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งศาลสูงสุดของประเทศตัดสินในปี 2562 ว่ารัฐบาลมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการเพื่อบรรเทาภาวะโลกร้อน
อีกทั้งในปี พ.ศ. 2560 สวีเดนได้นำกฎหมายด้านสภาพอากาศมาใช้ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลต้องทำงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ทำให้โลกร้อนลงไปสู่เป้าหมายสุทธิที่เป็นศูนย์ซึ่งกำหนดไว้สำหรับปี พ.ศ. 2588
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีสปี 2558 ในการรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้
อย่างไรก็ตาม การรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ได้ก่อให้เกิดการแย่งชิงพลังงานซึ่งขัดขวางความพยายาม และการเจรจาเรื่องสภาพอากาศในอียิปต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติในปีนี้ก็ล้มเหลวในการยกระดับความทะเยอทะยาน
ดังนั้น เธอจึงสามารถใช้กฎหมายในการกล่าวหาการดำเนินงานของรัฐบาลได้ว่าทำงานล่าช้า ซึ่งในคดีล่าสุดนี้เอง เธอและพรรคพวกกว่า 600 คนได้สั่งฟ้องโดยอ้างนโยบายด้านสภาพอากาศของสวีเดนละเมิดรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
เธอได้กล่าวแถลงการณ์ถึงการฟ้องร้องครั้งนี้ว่า “รัฐสวีเดนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต”
นอกจากนี้เธอได้ให้สัมภาษณ์กับ Dagens Nyheter รายวันของสวีเดน ว่าเธอทำเพราะเธอเชื่อว่า กฎหมายสภาพอากาศควรเข้มงวดมากกว่านี้
“เราไม่มีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองระยะยาวจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม แต่เราจำเป็นต้องใช้วิธีการที่เรามีอยู่และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้” เธอกล่าว
คดีดังกล่าวได้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี ท่ามกลางนโยบายของรัฐบาลใหม่สวีเดนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
คณะรัฐมนตรีซึ่งเข้ายึดอำนาจหลังการเลือกตั้งในเดือนกันยายน ได้ประกาศแผนการที่จะยกเลิกกระทรวงสิ่งแวดล้อมทั้งหมด งบประมาณปี 2566 ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ารวมถึงมาตรการที่กำหนดให้เพิ่มการปล่อยมลพิษจากภาคการขนส่ง
“รัฐของสวีเดนไม่เคยปฏิบัติต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศเหมือนกับวิกฤตที่กำลังเป็นอยู่ และรัฐบาลใหม่ก็ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะไม่ทำเช่นนั้นเช่นกัน” แอนตัน โฟลีย์ วัย 20 ปี ซึ่งเป็นโจทก์หลักอย่างเป็นทางการในคดีนี้ กล่าวในแถลงการณ์
คดีที่ยื่นในกรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันศุกร์ เรียกร้องให้ศาลกำหนดให้รัฐบาลดำเนินการ “แบ่งปันอย่างยุติธรรม” กับมาตรการระดับโลกเพื่อรักษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับเป้าหมายข้อตกลงปารีส
ที่มาข้อมูล
Greta Thunberg sues her native Sweden for failing to take action on climate
Greta Thunberg Sues Her Native Sweden for Failing on Climate