คลื่นความร้อน ผลพวง Climate Change ทำให้ ไวน์สเปนรสชาติเปลี่ยน

สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยข้อมูลว่า ข้อมูลจากสำนักอุตุนิยมวิทยาสเปน (เอเมต) ระบุว่า สเปนเผชิญกับเดือน ก.ค. 2022 ซึ่งร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศ  ขณะที่ช่วงเดือน พ.ค.ถึง ก.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาแห้งแล้งที่สุด นับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูลมาเลย ทำให้ส่งผลกระทบต่อ ผลิตภัณฑ์ไวน์ เพราะ รสชาติเปลี่ยน-ปริมาณแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น และนั่นทำให้ ควบคุมการผลิตได้ยากมากขึ้น 

โดย โรเบอร์โต อิจัลบา ผู้ผลิตไวน์สเปนที่โรงบ่มไวน์โบเดก้า ซานตัลบา ในแคว้นลา รีโอคา หนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ชื่อดังในสเปน ให้ข้อมูลว่า  ไร่องุ่นหลายแห่งในสเปน กำลังประสบปัญหามากกว่าปกติ แม้ไร่องุ่นจะทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ดี แต่ทุกอย่างมีขีดจำกัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สเปนเผชิญ ‘คลื่นความร้อนรุนแรง’ พบผู้เสียชีวิต 510 ราย

• จีนเจอคลื่นความร้อน เฟส 2 ยาวไปจนถึงกลางสิงหาคม ผลพวง Climate change

• จีนเตือนภัยอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 40°C ในหลายเมือง

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตไวน์สเปน อธิบายว่า ไม่ใช่แหล่งผลิตไวน์ทุกแห่งจะเผชิญปัญหาแบบเดียวกัน เนื่องจากพื้นที่แห้งแล้งมักคุ้นชินกับความร้อนจัดได้ดีกว่า โดยอุณหภูมิที่พุ่งสูงนั้นอาจเป็นประโยชน์ เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และลดความจำเป็นต่อการกำจัดศัตรูพืช และรักษาเชื้อรา ในทางตรงกันข้าม ความร้อนจัดสามารถนำไปสู่ภาวะขาดแคลนน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของผลไม้ รวมถึงพืชผลบางชนิดจะถูกทำลาย หากไม้เถาวัลย์สูญเสียใบมากเกินไป

ผู้ผลิตไวน์ รายชื่อเชื่อว่า เชื่อว่าผลผลิตไวน์สเปนปี 2022 จะลดน้อยลง เนื่องจากองุ่นขนาดเล็กนั้นมีน้ำหนัก น้ำ และน้ำองุ่นก่อนหมักในปริมาณน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้รสชาติของไวน์สเปนหวานขึ้น และมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงขึ้น หากสภาวะคลื่นความร้อน ยังคงดำเนินต่อไป   

“สภาพอากาศมีอิทธิพลต่อเปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล์ในไวน์ด้วยเช่นกัน ยิ่งอากาศร้อนมาก ไวน์ก็ยิ่งมีแอลกอฮอล์มากขึ้น เราจึงต้องพัฒนาเทคนิคเพื่อรักษาระดับแอลกอฮอล์”

การเก็บเกี่ยวองุ่นมาถึงเร็วกว่าปกติ 2-3 สัปดาห์ในหลายพื้นที่ เนื่องมาจากสภาพอากาศ โดยปี 2015 ถือเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวที่รวดเร็วที่สุดของแคว้นลา รีโอคา นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูล ซึ่งปกติแล้วการเก็บเกี่ยวในแคว้นนี้ จะแตะระดับสูงสุดราวกลางเดือน ต.ค. ของแต่ละปี