จีนเผชิญ คลื่นความร้อนภูมิภาค รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1961

ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก หรือ Climate change ส่งผลให้ความรุนแรงโดยรวมของคลื่นความร้อนระดับภูมิภาคที่แผ่ปกคลุมจีน มาตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. นั้น นับเป็นความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1961 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเริ่มเก็บบันทึกข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาอย่างสมบูรณ์

ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ศูนย์สภาพอากาศแห่งชาติจีน ระบุว่าจีนเผชิญคลื่นความร้อนระดับภูมิภาคจำนวน 64 วัน เมื่อนับถึงวันที่ 15 ส.ค. 2022 ซึ่งสูงเกินสถิติเดิมที่ 62 วัน ในปี 2013 รวมถึงมีสถานีอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นจำนวนมากที่สุดที่รายงานพบอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งมากสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “วราวุธ” เปิดตัว ENVIRONHACK หนุนเยาวชนออกแบบนวัตกรรม แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

• หลายประเทศทั่วโลก ผจญ Global Warming ทั้ง "ไฟป่า" "อากาศร้อน" และ "ภัยแล้ง"

โดย ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มิ.ย. ถึง 15 ส.ค. จีนมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยที่มีอุณหภูมิสูงสุดแตะที่หรือเกิน 35 องศาเซลเซียสในช่วงเวลากลางวัน รวมอยู่ที่ 12 วัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1961 และมากกว่าช่วงเดียวกันของปีปกติ 5.1 วัน

ทั้งนี้ ในหลายมณฑลทางตอนใต้ของจีน ยังคงเผชิญกับคลื่นความร้อน รุนแรงต่อเนื่องมานานถึง 27 วัน โดยอุณหภูมิพุ่งสูงทำลายสถิติในหลายพื้นที่ และยังมีการประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนในระดับสูงสุดต่อเนื่องกันมา 5 วันแล้ว โดยที่เซี่ยงไฮ้ อุณหภูมิสูงสุดวัดได้เกินกว่า 39 องศาเซลเซียส ติดต่อกันมานานถึง 7 วันแล้ว 

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ของรัฐอย่างโกลบอลไทมส์ อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า หน้าร้อนนี้เป็นหน้าร้อนที่ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนหนักที่สุดในรอบ 60 ปีเลยทีเดียว โดยพื้นที่ลุ่มน้ำของแม่น้ำแยงซีแห้งขอดจนดินแตก ขณะที่ปริมาณฝนในภูมิภาคดังกล่าวก็ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 60 ปี

ขณะเดียวกัน บางภูมิภาคของจีน ซึ่งรวมถึงเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ เผชิญวันที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่า 30 วัน 

ทั้งนี้ ศูนย์ฯ คาดการณ์ว่าคลื่นความร้อนระดับภูมิภาคจะแผ่ปกคลุมต่อไปและรุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมคาดว่าบางพื้นที่ของจีนจะเผชิญอุณหภูมิสูงตลอดช่วง 10 วันข้างหน้า