พื้นที่นอกเขตชลประทานโปรดเก็บน้ำรอได้เลยวันนี้! ไทยกำลังเข้าสู่ภาวะฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อยกว่าปกติ และอาจแล้งหนักเนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปรากฎการณ์เอลนีโญที่เริ่มก่อตัวขึ้น ทำให้สภาพอากาศอาจแปรปรวนมากขึ้น โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับภัยแล้ง ดังนั้น เกษตรกรควรเตรียมตัวรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนของปีนี้และปีต่อไป
รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย ได้เผยกับทีมสปริงนิวส์ว่า ฝนทิ้งช่วงในประเทศไทย คือฝนไม่ได้ขาดเม็ด มีฝนอยู่ แต่ปริมาณฝนต่อวันมีน้อย ในปี 2566 นี้ ฝนทิ้งช่วงจะอยู่ประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
แต่ปีนี้เราเผชิญหน้ากับปรากฎการณ์เอลนีโญ ก็อาจทำให้ฝนทิ้งช่วงเยอะขึ้น โดยอาจยาวนาถึงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม และฝนที่ตกอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ตกได้เพราะอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม จะแรงขึ้นและอ่อนลงเป็นระยะ แต่ให้ฝนไม่มาก และฝนจะตกในช่วงบ่ายถึงค่ำเป็นส่วนใหญ่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์ฝน 14-22 มิ.ย ฝนตกหนัก หลัง 17 มิ.ย ฝนทิ้งช่วง ฝนน้อย อาจไม่พอเพาะปลูก
เมืองลอยน้ำ (Dogen City) รองรับผู้อาศัยนับหมื่น ออกแบบมาให้ทน Climate Change
เตรียมรับฝนทิ้งช่วง! ตลอด 6 สัปดาห์จากนี้ฝนตกน้อยลง และจะเพิ่มขึ้นหลัง ก.ค.
ภาคใต้เกิดภาวะฝนทิ้งน้อย ส่วนใหญ่จะเกิดกับประเทศไทยตอนบน เหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก บริเวณเหล่านี้จะโดนเยอะ หรือไม่บริเวณที่อยู่ทางอ่าวไทยตอนบน อย่าง เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อาจจะฝนน้อย พื้นที่ที่น่าห่วงที่สุดคือ พื้นที่ที่ใช้น้ำฝนนอกเขตชลประทาน พื้นที่เหล่านี้อาจขาดแคลนน้ำใช้ทางการเกษตรได้
สรุปแล้ว ปีนี้ชลประทานยังสามารถให้น้ำได้อย่างเพียงพอต่อภาคเกษตรกรรม แต่หากปรากฎการณ์เอลนีโญยังคงเกิดในปีต่อไปอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะแล้งหนักได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการเริ่มบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ปีนี้ เก็บน้ำฝนในขณะที่มันยังตก และช่วยกันประหยัดน้ำ
ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยถึงมาตรการเตรียมรับมือปรากฎการณ์เอลนีโญว่า จากเดิมที่คาดว่าปริมาณฝนจะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 5 และมีโอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 แต่จากการติดตามผลพบว่า ความรุนแรงของเอลนีโญอาจทำให้เกิดฝนทิ้งช่วงยาวนานจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นและหลายจังหวัดอาจประสบปัญหาภัยแล้ง
ยกระดับเตือนภัย ‘เอลนีโญ’ สัญญาณชัด ต.ค. ถึง มี.ค 67 ส่งผลไทยร้อน แล้งกว่าปกติ
เอลนีโญเริ่มแล้ว! ในมหาสมุทรแปซิฟิก คาดปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดของโลก
ทางกรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอเตือนเกษตรกรที่จะเพาะปลูกพืชในช่วงเข้าสู่ฤดูฝนนี้ ให้วางแผนกักเก็บสำรองน้ำไว้ใช้ในเวลาฝนทิ้งช่วง หรือปลูกพืชอายุสั้น/พืชผัก เช่น ผักบุ้ง ตำลึง กะหล่ำปลี คะน้า ซึ่งใช้ระยะเวลาเพาะปลูกประมาณ 25-40 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย กรณีขาดแคลนน้ำในช่วงดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำวิธีการดูแลรักษาพืชผักในช่วงนี้ ไว้ดังนี้
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรขอแนะนำให้เกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่ทำการเพาะปลูกนอกเขตชลประทาน สร้างแหล่งกักเก็บสำรองน้ำในช่วงฝนทิ้งช่วง เพื่อเตรียมพร้อมกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในช่วงที่จะมีฝนตกชุกหนาแน่นในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ไว้
โดยขอย้ำให้เกษตรกรติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง หรือสามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
ที่มาข้อมูล
สัมภาษณ์ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย