svasdssvasds

วันจ่ายตรุษจีน 2566 ซื้อของไหว้อย่างไรไม่ให้เหลือเป็นขยะอาหาร (Food Waste)

วันจ่ายตรุษจีน 2566 ซื้อของไหว้อย่างไรไม่ให้เหลือเป็นขยะอาหาร (Food  Waste)

วันจ่ายตรุษจีน 2566 ชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญกับวันนี้ในการเลือกสรรของไหว้สำหรับการไว้บรรพบุรุษ บางบ้านจัดเต็มของไหว้กันสุดพลังจนบางครั้งเหลือจำนวนเยอะจนทำให้เป็น Food Waste หรือขยะอาหาร

วันจ่ายตรุษจีนในสมัยก่อนเราอาจซื้อของไหว้มาในปริมาณมาก ทำให้เหลือจนเป็น Food Waste ซึ่งปัญหาขยะอาหารเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อน และปัจจุบันทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เป็นอย่างมากถึงขั้นออกเป็นมาตรการเพื่อให้คนตระหนักถึงคุณค่าของอาหารและเป็นการแก้ไขปัญหาขยะอาหารเหลือทิ้ง อย่างเช่น โครงการจานสะอาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ออกมาตรการในการลดปริมาณขยะอาหาร

จากข้อมูลเกี่ยวกับ Food Waste ของประเทศต่างๆ ในช่วงเทศกาลตุรุษจีน พบว่าในแต่ละประเทศมีปริมาณขยะอาหารเพิ่มขึ้น อย่าง ประเทศสิงคโปร์มีขยะอาหารเพิ่มขึ้น 20% ด้านประเทศจีน พบว่ามี Food Waste ถึง 70% ของปริมาณขยะทั้งหมดในประเทศ ในส่วนของประเทศไทยในปี 2560 มีรายงานจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่า มีขยะกว่า 27 ล้านตัน/วัน ส่วนใหญ่เป็นขยะที่เกิดจากอุตสาหกรรมอาหารและขยะอาหาร หรือ Food Waste ซึ่งกรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 5 จังหวัด ที่มีขยะเกิดมาที่สุด

เนื้อหาที่น่าสนใจ : 

วันจ่ายตรุษจีน 2566 ซื้อของไหว้อย่างไรไม่ให้เหลือเป็นขยะอาหาร (Food  Waste) วันจ่ายตรุษจีน 2566 นี้เรามีเคล็ดลับในซื้อของไหว้อย่างไรไม่ให้เหลือเป็นขยะอาหารมาฝาก

  • ก่อนอื่นเช็กเมนูของไหว้อาหารมงคลที่ต้องมีว่ามีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นหมวดเนื้อสัตว์ ขนมมงคลต่างๆ หรือผลไม้ ควรเช็กปริมาณต้องใช้เท่าไร รวมถึงราคา เพื่อจะได้คำนวนได้ถูกปริมาณอาหารและงบประมาณ
  • วันจ่ายตรุษจีน 2566 ซื้อของไหว้ อาหารที่มีความสด สะอาด เพราะจะช่วยให้เก็บได้หลายวัน
  • ควรซื้อของไหว้ในปริมาณที่พอดี ไม่ซื้อมากจนเกิดไป และเลือกซื้ออาหารของไหว้ที่เราสามารทานต่อได้ จะได้ไม่หรือเป็น Food Waste หรือขยะอาหาร

หากของไหว้เหลือปริมาณมาก แจกจ่ายให้ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน หรือคนยากไร้ หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นเมนูอาหารอื่นๆ เก็บไว้กินในวันต่อไปหรือเก็บไว้กินได้หลายๆ วัน ถ้าอาหารเหลือเป็น Food Waste ซึ่งไม่สามารถทานต่อได้ เราสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้แทนปุ๋ยที่เป็นสารเคมีก็จะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 

ที่มา : Greenery / BBC