ภัยพิบัติสภาพอากาศจากทั่วโลกช่วงปีใหม่ 2023 สะท้อนปัญหา Climate Change

ในช่วงเวลาแบบนี้ ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านศักราชใหม่ จากปี 2022 สู่ปี 2023 ซึ่ง เวลาไม่ถึงสัปดาห์  แต่ทว่า กลับมีเหตุการณ์ที่เป็นกระจกสะท้อนปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ จากทั่วทุกมุมโลกแล้ว และบางปัญหาดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คน รวมถึงมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่เลยทีเดียว 

ในช่วงต้นปี 2023 ที่ยุโรป เพิ่งจะเกิดเหตุ ที่สะท้อนปัญหา Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอาาศ  เพราะเพิ่งจะมี คลื่นความร้อนเกิดขึ้น ในฤดูหนาว และมันได้ ทำลายสถิติอุณหภูมิของประเทศหลายแห่งทั่วยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ปีใหม่ โดยจากการเก็บบันทึกข้อมูลทั่วยุโรป พบว่า ในช่วงปีใหม่ 2023 มีหลายๆประเทศ ที่อุณหภูมิสูงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน อาทิ เนเธอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, ลัตเวีย ,สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก และ เบลารุส ส่วนเยอรมนี , ฝรั่งเศส และ ยูเครน อุณหภูมิที่สถานีวัดอุณหภูมิก็ทำลายสถิติความร้อนเช่นกัน

และเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้  นักอุตุนิยมวิทยา รวมถึงนักสิ่งแวดล้อม เริ่ม ส่งเสียงเตือนดังๆ ถึงปัญหาแล้ว  นอกจากนี้ เนื่องด้วยอากาศที่ร้อนขึ้นในยุโรป ทำให้ สกีรีสอร์ตบางแห่งต้องปิดให้บริการเนื่องจากไม่มีหิมะ และนั่นสะท้อนว่า มันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ประเทศนั้นๆ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 5 ม.ค. 2566 วันนกแห่งชาติ : สัตว์ที่เป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ
• ฤดูหนาว อากาศเย็น ทำไมฝุ่นเยอะ ฝุ่น PM2.5 ก็มาแบบจัดเต็ม - เปิดวิธีรับมือฝุ่น
• 10 กว่าประเทศยุโรป อุณหภูมิสูงขึ้นแบบผิดเพี้ยน สะท้อน "โลกร้อน" ไม่จกตา

เวลานี้ นักอุตุนิยมวิทยาและนักภูมิอากาศวิทยา ต่างมี กังวลอย่างหนักกับสภาพอากาศในฤดูหนาวของยุโรปที่ อบอุ่นผิดฤดู  หรือจะเรียกว่า สภาพอากาศมันผิดเพี้ยนไปหมดก็ได้  โดยกล่าวว่ามี บันทึกจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้ ในขณะเดียวกันวันที่อุณหภูมิลดต่ำสุดที่สุดก็ไม่ต่างจากอุณหภูมิต่ำสุดในฤดูร้อน

เมื่อเดือนเมษายน 2022  นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศชั้นนำของโลกเตือนว่าการต่อสู้เพื่อให้อุณหภูมิโลกต่ำกว่าเกณฑ์วิกฤตที่ 1.5 องศาเซลเซียสได้มาถึงจุดที่ต้องเลือกว่าจะลงมือทันทีหรือไม่มีโลกให้ดูแล

ขณะที่ อีกฟากโลก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ต้องเจอกับภายุหิมะอย่างรุนแรง และทางการได้ ประกาศภาวะฉุกเฉินล่วงหน้า (ประกาศเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือ พฤหัสบดี ตามเวลาไทย)  โดย สิ่งที่แคลฟอร์เนียต้องเจอนั้น ถือว่าหนักหนาสาหัสมาก เพราะพายุฝน ได้กลายเป็น “บอมบ์ไซโคลน” บวกกับ “แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ” ถล่มเมือง ซ้ำเติมพายุที่ถล่มแคลิฟอร์เนียหลายระลอกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ ทำให้เกิดฝนตกหนักและคาดว่าจะเกิดหิมะตกด้วย เตือนเกิดน้ำท่วม ดินโคลนและหินถล่ม  

โดย บอมบ์ไซโคลน คือ การที่ความกดอากาศ ตกฮวบลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่ง สาเหตุที่ฝนตกหนักมากเกิดจากบอมบ์ ไซโคลน บวกกับ “แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ” (atmosphere river) ซึ่งคือ การที่ชั้นบรรยากาศมีความชื้นสูงมากจากความชื้นที่มาจากมหาสมุทร ได้ถล่มแคลิฟอร์เนียพร้อมกันในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น  คาดว่าฝนที่ตกหนักจะมีปริมาณฝนสูงถึง 4 นิ้ว หรือ 10 เซนติเมตรในบริเวณเบย์ แอเรีย ซึ่งเป็นปริมาณฝนที่มากกว่าปกติ 2 เท่า อย่างไรก็ตาม เบย์ แอเรียยังไม่ฟื้นตัวหลังเพิ่งประสบฝนตกหนักน้ำท่วมไปเมื่อช่วงปีใหม่ 2023 

ก่อนหน้านี้ พายุหลายระลอกได้พัดถล่ม แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักมากเกือบทุบสถิติฝนตกหนักที่สุด  โดยในวันสิ้นปี 31 ธันวาคม 2022 พายุฝนกระหน่ำแคลิฟอร์เนียฝั่งเหนือ ทำให้ซานฟรานซิสโกเกิดฝนตกหนักเกือบ 5.5 นิ้ว หรือ 14 เซนติเมตร นับเป็นวันที่ฝนตกหนักสูงสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย  โดย ฝนกระหน่ำทำลายพนังกั้นน้ำแตกหลายแห่ง น้ำทะลักท่วมถนน เกิดดินถล่มหลายแห่ง ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน ติดอยู่ภายในรถที่ถูกน้ำท่วม

ที่มา nytimes 

english.news.cn 

france24