เหตุการณ์ บอมบ์ไซโคลน และเหตุการณ์สภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ประเทศ สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก เจอวิกฤตสภาพอากาศ ผลกระทบแพร่ขยายไปในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 250 ล้านคน และตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ราย จากวิกฤตสภาพอากาศครั้งนี้
ณ เวลานี้ ทางทวีปอเมริกาเหนือ ทั้ง สหรัฐฯ,แคนาดา รวมถึงบางส่วนของประเทศเม็กซิโก กำลังเจอกับวิกฤตสภาพอากาศ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเหตุของวิกฤตของสภาพอากาศครั้งนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และมันมีเอฟเฟกต์ต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลานี้ และอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงต้นปี 2023 เลยทีเดียว โดยในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา มีพายุหิมะ พายุฤดูหนาวรุนแรงพัดถล่มพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ และแคนาดา และความรุนแรงของการแปรปวนทางสภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 250 ล้านคน และตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ราย
ทั้งนี้ ความรุนแรงผิดปกติของพายุฤดูหนาวครั้งนี้เกิดจากปรากฏการณ์ "ไซโคลนระเบิด" (bomb cyclone) คำถามสำคัญคือ คำว่า "ไซโคลนระเบิด" (bomb cyclone) คืออะไร ? คำตอบของประเด็นนี้ คือ การมี สภาพอากาศที่ศูนย์กลางพายุมีความกดอากาศลดต่ำลงอย่างมากและรวดเร็วกว่า 24 มิลลิบาร์ขึ้นไปภายในเวลา 24 ชั่วโมง (จากปกติ 1047 มิลลิบาร์ ลดลงเหลือ 962 มิลลิบาร์ ในระยะเวลาอันสั้น) ทำให้อากาศที่อยู่รอบด้านไหล เข้าไปแทนที่ในจุดศูนย์กลาง เกิดเป็นลมพายุหิมะที่มีความเร็วและกำลังรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอริเคน และ "ไซโคลนระเบิด" (bomb cyclone) ได้ทำให้ สหรัฐฯ แคนาดา รวมถึงเม็กซิโก เจอที่สภาพที่เลวร้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรื่องของสภาพอากาศที่แปรปรวน คงหลีกหนีความเชื่อมโยงกับปัญหา Climate Change อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวโยงและเชื่อมกัน และการที่พายุหิมะซัดพื้นที่ทั้งสหรัฐฯ แคนาดา รุนแรงแบบนี้ ทำให้ ในช่วงที่ผ่านมา เที่ยวบินอย่างน้อย 4,900 เที่ยวบินถูกยกเลิก และมากกว่า 17,900 เที่ยวบินล่าช้าทั่วโลก ซึ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศอย่างน้อย 5,000 เที่ยว วิกฤตสภาพอากาศครั้งนี้ ได้ สร้างความวิตกกังวลโดยเฉพาะเป็นในช่วงหยุดยาวคริสต์มาสที่ประชาชนจำนวนมหาศาลเริ่มออกเดินทาง
โดย สภาพอากาศที่มีพายุรุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อแถบเวสต์โคสต์ (West Coast) จนถึงวันอังคาร (27 ธ.ค.) ก่อนจะพัดผ่านเทือกเขาร็อกกี ส่วนหิมะที่เกิดจากทะเลสาบ (lake-effect snow) ตามทิศทางลมจากเกรต เลกส์ (Great Lakes) จะรุนแรงน้อยลง และจางหายไปในวันอังคารหน้า และ จากปัญหาที่เกิดขึ้น ตอนนี้ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี, นอร์ทแคโรไลนา, เวสต์เวอร์จิเนีย, จอร์เจีย และโอคลาโฮมา ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่รัฐวิสคอนซินประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน" ไปแล้ว
เมืองใหญ่ๆที่โดนผลกระทบหนักๆ จะมี อาทิ เมือง นิวยอร์ก และ เมืองบัฟฟาโล่ ก็มีหิมะกองเต็มถนน หลายอย่างน้อยๆ 4 ฟุต
ส่วน ที่เม็กซิโก ในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ เมืองหลวง ซึ่งเจอกับผลกระทบ ประกาศเตือนภัยอากาศหนาวระดับสีส้ม หลังเกิดหิมะตกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อุณหภูมิตก ฮวบลงมาอยู่ระหว่าง 1-3 องศาเซลเซียส ทั้งที่ในช่วงเวลาปกติ เม็กซิโก เป็นประเทศที่มีอากาศร้อน
ทั้งนี้ ประชาชนกว่า 250 ล้านคน หรือคิดเป็นราวร้อยละ 60 ของประชากรสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้คำเตือนพายุฤดูหนาวหรือข้อแนะนำด้านสภาพอากาศฤดูหนาว นับตั้งแต่ช่วงก่อนคริสต์มาส เป็นต้นมา ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1.5 ล้านคน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งแน่นอนว่ามันกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก
นี่คือเหตุการณ์ที่ เป็นกระจกสะท้อนว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เป็นปัญหาที่ต้องการ "การใส่ใจ" และ ต้องรีบ หาทางออกกับ ภาวะที่โลกรวนแบบนี้