ปี 2022 โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา แต่ปี 2023 กำลังจะร้อนมากกว่าอีก ปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังมาแล้ว แต่โลกไม่พร้อมรับมือ ทำไมปีหน้าจึงร้อนกว่าเดิม?
หลายปีผ่านมา อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น โดยไม่มีทีท่าลดลงเลยแม่แต่น้อย จนปี 2022 นี้เอง ข้อมูลจาก NASA เผยว่า เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สภาพอากาศของโลกจะไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากรูปแบบภูมิอากาศที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน หรือที่เรียกว่า ENSO (El Niño Southern Oscillation) นั้นอยู่ในช่วงที่เย็นลง ในช่วงนี้เรียกว่าลานีญา น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตรจะเย็นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก
ลานีญา จะช่วยรักษาอุณหภูมิของโลกได้ หรือหมายความว่า ไม่ว่าจะเกิดคลื่นความร้อนรุนแรง ไฟป่า และความแหล้งแล้งในรูปแบบใด ๆ ก็ตาม เราก็สามาถรรอดพ้นได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ลานีญานี้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเปลี่ยนเอลนีโญจะเข้ามาแทนที่ ซึ่งจะทำให้ผืนน้ำในมหาสมุทรบริเวณเส้นศูนย์สูตรอุ่นขึ้น
การคาดการณ์ล่าสุดได้บ่งชี้ว่า ลานีญา จะยังคงดำเนินการต่อไปในต้นปี 2023 ซึ่งจะยังทำให้เราโชคดีอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นจะเริ่มอุ่นขึ้น และปี 2023 ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติการณ์มากกว่าปีนี้ จากปรากฎการณ์ เอลนีโญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพนกวินจักรพรรดิถูกขึ้นบัญชี สัตว์ใกล้สูญพันธุ์เรียบร้อยแล้ว!
น้ำท่วมออสเตรเลีย รอบที่ 4 บางจุดวิกฤตเลวร้ายที่สุดใน 70 ปี ผลพวงลานีญา
ปากีสถานอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากน้ำท่วมใหญ่อันมีสาเหตุมาจาก Climate Change
นิวซีแลนด์ไร้หิมะให้เล่นสกีแล้ว จากภาวะโลกร้อน เกิดอะไรขึ้น?
อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 1.5°C ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นรั้วกั้นที่เกินกว่าที่สภาพอากาศจะแปรปรวนกลายเป็นอันตราย หากเหนือตัวเลขนี้ขึ้นไป สภาพอากาศที่เคยคงที่ตามฤดูกาลจะเริ่มพังทลายลงอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก รวมไปถึงแทรกแซงไปอยู่ในชีวิตประจำวันจนทำให้เราใช้ชีวิตลำบากกันมากขึ้น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่หลายประเทศทั่วโลกต้องทำข้อตกลงเพิ่มร่วมมือกัน ไม่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส
ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว จากปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปีนี้ ภัยพิบัติมากมาย เช่น คลื่นความร้อนรุนแรงในอินเดีย ยุโรป จีน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กลับกันบางพื้นที่กลับหนาวที่สุดเป็นประวัติการณ์ คลื่นลมแรง ฝนตกหนักไปจนถึงเกิดพายุจนทำหลายพื้นที่เสียหาย
แต่ปีหน้า หากอุณหภูมิสูงขึ้น นั่นหมายถึงความแห้งแล้งที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่กผลผลิตพืชผลในหลายส่วนของโลกด้วย ในปี 2565 สภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลให้การเก็บเกี่ยวลดลงในจีน อินเดีย อเมริกาใต้ และยุโรป เพิ่มความไม่มั่นคงทางอาหาร สต็อกมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าปกติในปี 2566 ดังนั้นการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีอีกรอบอาจทำลายล้างได้ ส่งผลให้การขาดแคลนอาหารในประเทศส่วนใหญ่อาจทำให้เกิดความไม่สงบ ในขณะที่ราคาที่สูงขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วจะยังคงกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตค่าครองชีพ
ลานีญามีแนวโน้มที่จะจำกัดการพัฒนาของพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ ดังนั้น เมื่อพายุเริ่มจางลง กิจกรรมของพายุเฮอริเคนคาดว่าจะดีขึ้น อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นในปี 2566 อาจทำให้พื้นผิวมหาสมุทรแอตแลนติกและอ่าวเม็กซิโกร้อนจัด สิ่งนี้จะสนับสนุนการก่อตัวและการคงอยู่ของซูเปอร์เฮอริเคน ลมที่พัดแรงและคลื่นพายุที่สามารถกวาดล้างเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ หากพวกมันเข้าฝั่ง พายุเฮอริเคนในปัจจุบันมีทั้งกำลังแรงและฝนตกชุกมากขึ้น ดังนั้นผลที่ตามมาของเมืองที่ขวางทางพายุใหญ่ในปี 2566 น่าจะเป็นหายนะ
นี่ยังไม่นับรวมกับการละลายของน้ำแข็งในแถบขั้วโลกหรอกนะ ที่แค่ปีนี้ สัตว์ในบริเวณนั้นก็ร้องระงมจากการไร้บ้านกันมากพอแล้ว ปีหน้าคงมีโศกนาฏกรรมอีกมากรออยู่ จากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น และจะนำพาไปสู่การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจนไม่เกินการคาดการณ์ในเรื่องที่ว่า น้ำกำลังจะท่วมเมืองใหญ่ทั่วโลกภายในปี 2050 ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย คุณล่ะคิดเห็นอย่างไร?
ที่มาข้อมูล
El Niño Is Coming—and the World Isn't Prepared : Weird.co.uk
Global temperatures in 2023 set to be among hottest on record : The Guardian