svasdssvasds

วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5 รักษ์โลก Keep The World ช่วยลดความเสี่ยง มะเร็งปอด

วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5  รักษ์โลก Keep The World ช่วยลดความเสี่ยง มะเร็งปอด

มาลอง ทำตาม วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง "มะเร็งปอด" อีกทางหนึ่ง หลังจากที่ โรค "มะเร็งปอด" กำลังได้รับความสนใจ ถูกสปอร์ตไลท์จากสังคม จากกรณี หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี ผู้ก่อตั้งเพจ "สู้ดิวะ" ต้องเจอสบตากับโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งที่ดูแลสุขภาพดีมากๆ

จากกรณี หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี ผู้ก่อตั้งเพจ "สู้ดิวะ" ได้มาโพสต์เล่าเรื่องราว ที่เจ้าตัวได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ในช่วงชีวิตที่ผ่านเขาได้ดูแลสุขภาพตัวเองดีอย่างมาก ทั้งเล่นกีฬา อาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็น้อยมากๆ ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เครียด 

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกต จากทวิตเตอร์ @manopsi ของ นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีการทวีตข้อความถึงเรื่องคุณหมอกฤตไท ว่า ฝุ่น PM2.5 อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเป็นมะเร็งปอด ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้นหากใครมีเครื่องฟอกอากาศก็ใช้มันตลอด กดให้ต่ำกว่า 10 ให้ต่ำกว่า 5 ยิ่งดี อย่าให้ปอดเราเป็นไส้กรองอากาศเด็ดขาด
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ นพ.มานพ ยังระบุว่า ทำไมถึงต้องซีเรียสเรื่องฝุ่น PM2.5 เพราะ ฝุ่น PM2.5 เป็นเหตุสำคัญของมะเร็งปอดชนิดที่มีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งพบกว่า 50% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดชาวไทย โดยเฉพาะคนที่ไม่สูบบุหรี่ พบว่าเซลล์ปอดที่มี EGFR กลายพันธุ์ ยังไม่เปลี่ยนเป็นมะเร็งจนกระทั่งได้รับ PM2.5 เข้าไปแล้วนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ฝุ่น PM 2.5 อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้เกิด โรคมะเร็งปอดได้ ดังนั้น มาลองหาวิธี ช่วยลดฝุ่น PM 2.5  ช่วยลดความเสี่ยง "มะเร็งปอด" อีกหนึ่งทาง

วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5 รักษ์โลก Keep The World ช่วยลดความเสี่ยง "มะเร็งปอด" อีกทางหนึ่ง


 

วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5 รักษ์โลก Keep The World ช่วยลดความเสี่ยง "มะเร็งปอด" อีกทางหนึ่ง

โดย วิธีช่วยลดฝุ่น PM 2.5 เพื่อลดความเสี่ยงจากมะเร็งปอด  ที่ใครจะทำก็ได้ เพราะว่าจะทำให้ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปอดได้อีกทางหนึ่ง   ซึ่ง นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เคยแนะนำ ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ไว้ เพราะถือเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อม และ ทำให้ร่างกายดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และเป็นทางออกเวลาที่ต้องเจอกับ PM 2.5 ดังนี้

 

1. ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ 
 ปัจจุบันการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศเป็นเทรนด์ที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากให้ความสวยงามสบายตาแล้ว ยังทำให้อากาศภายในบ้านสดชื่นด้วย ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศและเป็นที่นิยมสำหรับการนำมาปลูก และวางตามจุดต่างๆ ของบ้าน มีหลากหลายพรรณไม้ ยกตัวอย่างเช่น ต้นยางอินเดีย พลูด่าง เศรษฐีเรือนใน เศรษฐีพันล้าน ลิ้นมังกร เขียวหมื่นปี เดหลี ไทรใบสัก กวักมรกต และยังมีอีกมากมาย ทั้งนี้ต้นไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและการดูแลที่แตกต่างกันไป ควรศึกษารายละเอียดก่อนนำมาปลูกด้วย

2. งดเผาขยะ งดจุดธูป เปลี่ยนมาใช้ธูปไฟฟ้า 
    การเผาขยะจะทำให้เกิดการเผาไหม้ซึ่งจะเป็นการเพิ่มควัน และฝุ่นพิษให้อากาศ นอกจากนี้ควรปรับเปลี่ยนการจุดธูป ซึ่งปกติจะทำให้เกิดฝุ่นจากธูป และควัน มาใช้ธูปและเทียนแบบไฟฟ้า ซึ่งแนวทางการแก้ไขในเรื่องของการเผาขยะ โดยการหมุนเวียนทรัพยากร (Zero Waste) เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

3. ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
สาเหตุของฝุ่นละอองขนาดเล็ก ร้อยละ 50-60% มาจากการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน  หากผู้คนส่วนใหญ่ลดอัตราการใช้รถบนท้องถนน หันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น ก็จะช่วยทำให้ปริมาณฝุ่นละอองที่เกิดจากปัญหาเหล่านี้ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน

4. หมั่นเช็คสภาพรถ เพื่อลดควันดำ
การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้เกิดควันดำ และมลพิษทางอากาศ จึงควรหมั่นตรวจเช็คเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพปกติ 

5. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 
ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีอนุภาคเพียง 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กมากจนเครื่องปรับอากาศไม่สามารถดักจับได้ ตัวช่วยในการดักจับฝุ่นด้วยเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นทางเลือกที่คนหันมาใช้กันมากขึ้น แต่ควรคำนึงถึงขนาดของพื้นที่ห้องกับขนาดของตัวเครื่องให้เหมาะสมกัน จึงจะมีประสิทธิภาพที่ดี

6. หมั่นทำความสะอาดบ้าน 
การทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูเฟอร์นิเจอร์ด้วยผ้าชุบน้ำเพื่อป้องกันการกระจายของฝุ่น รวมทั้งการล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ เครื่องปรับอากาศ พัดลม แผ่นกรองอากาศ มุ้งลวด เพื่อช่วยลดแหล่งสะสมของฝุ่นได้อย่างง่ายๆ

ที่มา : กรมอนามัย , กรุงเทพ , สู้ดิวะ , manopsi 

related