"COP27" เปิดประเด็นร้อน 125 มหาเศรษฐีปล่อยก๊าซ CO2 รวมกันถึง 393 ล้านตันต่อปี เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมของฝรั่งเศสทั้งประเทศ
การประชุมระดับนานาชาติของ COP27 หรือเวทีการประชุมภาคีแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 27 แล้ว
จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้วิกฤตด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงสำคัญมาก เพราะเป็นการรวมผู้นำจากทั่วโลกมาร่วมหารือ แก้ไขวิกฤตโลกร้อนไปพร้อมกัน รวมถึงการแนะแนวทางว่าประเทศของตนจะช่วยโลกร้อนอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้โพสต์ทูเดย์ได้เผยว่า ประเด็นร้อนวันแรกในที่ประชุม COP27 วานนี้ ได้เปิดเผยผลตรวจสอบปริมาณ Co2 ที่บรรดามหาเศรษฐีระดับซูเปอริชของโลก 125 ราย ที่ใช้ไปในการลงทุนกิจการเกี่ยวกับคาร์บอนเท่ากับปริมาณ Co2 ที่คนฝรั่งเศสปล่อยออกมาทั้งประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• 10 คนดัง ปล่อยคาร์บอน Co2 สร้างมลพิษสูงสุดใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ปี 2022
• Formula 1 เล็งไปใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน 100% ในปี 2026 ลดการปล่อย CO2
• ภาษีคาร์บอนคืออะไร ทำความรู้จักมาตรการสิ่งแวดล้อม ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ผลการศึกษาจากการลงทุนของเหล่าบรรดามหาเศรษฐี 125 คน พบว่ามีสัดส่วนการถือหุ้น 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในบริษัท 183 แห่ง โดยเฉลี่ยแล้วการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับคาร์บอนของมหาเศรษฐีแต่ละรายผลิต CO2 มากถึง 3 ล้านตันต่อปี มากกว่าการปล่อย CO2 เฉลี่ย 2.76 ตันในกลุ่มผู้ที่มารายต่ำสุด 90% ถึง 1 ล้านเท่า
รวมแล้วสมาชิก 125 มหาเศรษฐีปล่อย CO2 รวมกันถึง 393 ล้านตันต่อปี - เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมของฝรั่งเศสทั้งประเทศ (ซึ่งมีประชากรราว 67 ล้านคน)
รายงานฉบับนี้จัดทำโดย Oxfam องค์กรไม่แสวงผลกำไรอ็อกซ์แฟม (Oxfam) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งเน้นบรรเทาปัญหาความยากจนทั่วโลก ได้เผยแพร่รายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากฝีมือของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลก ที่ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมการลงทุนของกลุ่มคนมหารวยเหล่านี้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของการเก็บภาษีความมั่งคั่ง หรือ weath tax ที่มีอัตราการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษที่สูงเป็นภูเขา
ผู้บริหารระดับสูงของ Oxfam GB กล่าวว่า "เราต้องการให้ Cop27 เปิดเผยและเปลี่ยนบทบาทที่บริษัทขนาดใหญ่และนักลงทุนที่ร่ำรวยของพวกเขากำลังเล่นอยู่ เพื่อทำกำไรจากมลพิษที่สร้างปัญหาด้านวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก เพราะตอนนี้กลายเป็นว่า ผู้คนในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อย ปล่อยคาร์บอนด์น้อยที่สุดแต่กลับได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ดังที่เราเห็นได้จากความแห้งแล้งรุนแรงในแอฟริกาตะวันออกและอุทกภัยครั้งใหญ่ในปากีสถาน”
จากการศึกษายังพบว่า เหล่าบรรดามหาเศรษฐีมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14% ของการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ เช่น พลังงานและวัสดุต่างๆ เช่น ซีเมนต์ มีมหาเศรษฐีเพียงคนเดียวเท่านั้นในกลุ่มตัวอย่าง 125 คนที่ลงทุนในบริษัทพลังงานหมุนเวียน
จากรายงานระบุว่า 50-70% ของการปล่อยมลพิษจากมหาเศรษฐีมาจากการลงทุนของพวกเขา นักวิจัยทำการคำนวณโดยเริ่มจากรายชื่อคนรวย 220 ราย ที่รวยที่สุดในโลก โดยทำการนี้ร่วมกับผู้ให้บริการข้อมูล เพื่อระบุตัวเลขสัดส่วนของแต่ละบริษัทที่มหาเศรษฐีถือครอง
ที่มา : โพสต์ทูเดย์