พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำ ยังต้องเฝ้าระวังของเสีย-สารพิษ-ขยะพลาสติก กันต่อไป , แม้ โดยรวมคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมดีขึ้น พร้อมกับเปิดเผยว่า 18 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด ที่มีการควบคุมมลพิษ ก็ยัง ไม่มีพื้นที่ใดพร้อมยกเลิกเขตควบคุมมลพิษในปี 65
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมประชุม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
ที่ประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รับทราบ รายงานภาพรวมสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 65 ดีขึ้น โดยมีพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงเพิ่มขึ้น และการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สถานการณ์ที่ควรติดตามเฝ้าระวัง เช่น ปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมีและวัตถุอันตรายทางการเกษตร ปริมาณขยะพลาสติก ของเสียอันตราย มูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้น และธรณีภัยพิบัติเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังรับทราบผลการดำเนินงานบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ ตามแผนการปฏิรูปประเทศ พบว่า เขตควบคุมมลพิษ 18 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด ไม่มีพื้นที่ใดมีความพร้อมในการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษในปี 65
โดยมีเพียง หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นที่เดียวที่มีความพร้อมยกเลิกในระยะไม่เกิน 3 ปี
ขณะที่ ต.หน้าพระลาน สระบุรี และ จังหวัด ระยอง ยังอยู่ในสถานะมีความพร้อมน้อย ปัญหาภาพรวมจากข้อจำกัดงบประมาณ รวมทั้งการกำกับดูแลไม่ทั่วถึงและเข้มงวดพอ
จากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA ) ที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานดอนเมือง โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) สมุทรปราการ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปาด อุตรดิตถ์ และโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง จังหวัด อ่างทอง และเห็นชอบ แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 66-70 แผนปฎิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 ปี 66-70 แผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 66 นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก แผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปี 67 โครงการพัฒนาศักยภาพสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าบริการกำจัดขยะมูลฝอย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 14 แห่ง ที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ กระทรวงทรัพย์ฯ ที่ให้ความสำคัญขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง มีผลสถานการณ์ภาพรวมคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ยังคงติดตามสถานการณ์ที่ควรติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งร่วมกำกับและเข้มงวด การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ
โดยขอให้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมขับเคลื่อนแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านความเห็นชอบ ให้เป็นรูปธรรมโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน