กระทรวงคมนาคม ชูแผนลดคาร์บอน 41 ล้านตันภายในปี 2573

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ชูแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 41 ล้านตัน มุ่งหน้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำภายในปี 2573

ทั่วโลกกำลังให้ความใส่ใจกับภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Crimate Change) โดยมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

ทั้งนี้ หากประเทศไทยดำเนินกิจกรรมตามปกติ จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e) ทั้งสิ้น 318.66 ล้านตัน แบ่งเป็นภาคการขนส่ง 61.175 ล้านตัน คิดเป็น 19.2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของประเทศไทย และเป็น 25.82% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดจากภาคพลังงาน

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม จัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนให้ได้ 20% ของประเทศ หรือ 111 ล้านตัน ภายในปี 2573

สนข. พบว่า ภาคการขนส่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 41 ล้านตัน ภายในปี 2573 แบ่งเป็นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานคมนาคมขนส่ง 31 ล้านตัน และมาตรการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับยานพาหนะอีก 10 ล้านตัน โดยขับเคลื่อนผ่านหลักการ A-S-I Approach หรือ "Avoid-Shift-Improve" เพื่อการลดการใช้พลังงานในภาคการขนส่งอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการ โดยมี 3 ส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่

1. ลด (Avoid/Reduce) ส่งเสริมให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือลดระยะทางการเดินทางที่ไม่จําเป็น โดยการบูรณการระหว่างการวางผังเมืองกับการวางแผนด้านการขนส่งที่เหมาะสม

2. เปลี่ยน (Shift/Maintain) ใช้รูปแบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ระบบขนส่งสาธารณะ และการเดินทางแบบไร้เครื่องยนต์

3. พัฒนา (Improve) มาตรการที่มุ่งเน้นการพัฒนายานยนต์และการใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เช่น ส่งเสริมการใช้รถและจักรยานไฟฟ้า

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีแผนปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่ง อาทิ การดัดแปลงรถโบกี้ไฟฟ้ากำลัง การจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า

พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการทางรางทุกภาคส่วน เพื่อขอความร่วมมือการกำหนดตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละปี พร้อมเก็บสถิติปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ทุกรอบปี และประเมินผลการดำเนินงาน

"ตอนนี้ผู้ประกอบการภาคขนส่งทางรางเริ่มตื่นตัวอย่างมากเพื่อเก็บเป็นคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) นี้อย่างต่อเนื่อง" พิเชฐ กล่าว