เยอรมนี เปิดให้บริการรถไฟโดยสารขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฮโดรเจนเป็นครั้งแรกของโลก โดยเป็นการนำมาทดแทนรถไฟที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลกว่า 10 ขบวน เพื่อปล่อยการคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ข้อดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการเดินทาง จะไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลเยอรมนี เปิดให้บริการรถไฟโดยสารขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฮโดรเจน เป็นครั้งแรกของโลก ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยเป็นการนำมาทดแทนรถไฟที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลกว่า 10 ขบวนในรัฐโลเวอร์ แซกโซนี เพื่อปล่อยการคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ข้อดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ การเดินทางด้วยรถไฟพลังงานไฮโดรเจน จะไม่ปล่อยควันเสีย ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้ากับเทรนด์รักษ์โลก
สำหรับ รถไฟพลังงานไฮโดรเจน ที่จะไม่ปล่อยควันเสียเหมือนรถไฟทั่วไป แต่ปล่อยแค่ไอน้ำออกมาเท่านั้น ได้เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว และนับเป็นอนาคตของการเดินทาง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างยิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลายๆ เมืองในฝรั่งเศสผุดเขตพิเศษ แบนรถก่อมลพิษสูง ห้ามเข้ามาวิ่ง!
รถไฟพลังงานไฮโดรเจน นี้มีชื่อว่า โคเรเดีย ไอลินต์ (Coradia iLint) ซึ่งเปิดตัวในฐานะรถไฟขบวนแรกของโลก ที่ใช้ พลังงานไฮโดรเจน 100 % พัฒนาโดยบริษัท อัลสตอม (Alstom) จากประเทศฝรั่งเศส นำมาใช้ใน เส้นทางวิ่งระหว่างเมือง Cuxhaven, Bremerhaven, Bremervoerde และ Buxtehude ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือในเยอรมนี ภายใต้ข้อตกลง มูลค่ากว่า 93 ล้านยูโร หรือประมาณ 3,300,000,000 บาท
รถไฟพลังงานไฮโดรเจน ใช้ ไฮโดรเจน เพียง 1 กิโลกรัม ก็สามารถขับเคลื่อนได้เทียบเท่ากับการใช้เชื้อเพลิงดีเซล 4.5 กิโลกรัม อีกทั้ง ยังให้ระยะการเดินทางที่ค่อนข้างไกลถึง 1,000 กิโลเมตร และใช้เวลาพักเติมพลังงานเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ตอบโจทย์การเดินทางที่รวดเร็วและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง
และ นอกจากนี้ รถไฟพลังงานไฮโดรเจนยังช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ ยังช่วยลดเสียงรบกวนขณะวิ่งได้อีกด้วย ตัวรถไฟยังสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่โดยปกติจะวิ่งให้บริการด้วยความเร็ว 80-120 กม./ชม. เท่านั้น และมีต้นทุนค่าบำรุงรักษาต่ำแต่ใช้งานได้ยาวนาน
สำหรับ เยอรมนี มีหลากหลายโครงการที่มุ่งสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เยอรมนีทดลองใช้ ตั๋วราคา 9 ยูโร ราว 340 บาท ใช้เดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟ , รถราง และรถบัส ได้แบบไม่จำกัดเที่ยว ภายใน 1 เดือน , ซึ่งหลังจากทดลองโครงการนี้มาแล้ว 3 เดือน ผลปรากฏว่า มีตัวเลขที่น่าพอใจ เพราะช่วยลดคาร์บอนไปได้ถึง 1.8 ล้านตัน