ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาโตลเลาะห์ คาเมเนอี ประกาศระหว่างการแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศว่าภูมิภาคตะวันออกกลางไม่ยอมรับการมีอยู่ของสหรัฐฯในภูมิภาค พร้อมยกย่องนายพล คาเซม โซเลมานี ว่าเป็นคนกล้าหาญ ไม่มีความหวาดกลัว และความตายของโซเลมานีหมายความว่าการปฏิวัติยังคงอยู่
คามาเนอีระบุว่าการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรักเมื่อช่วงเช้าตรู่เป็นการ “ตบหน้า” และการมีอยู่ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่มาของการฉ้อโกงในภูมิภาค ต้อจบลงได้แล้ว และการเรียกนายพลโซเลมานีว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม หลังอิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน จาหวัด ซารีฟ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า อิหร่านไม่ได้ต้องการสงคราม แต่การยิงขีปนาวุธถือเป็นมาตรการป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรประชาชาติ มาตรา 51 ขณะที่กองทัพอิหร่านยังคงออกมาประกาศจะตอบโต้สหรัฐฯให้รุนแรงขึ้นอีก หากสหรัฐฯโจมตีกองกำลังอิหร่านที่อยู่ในประเทศอิรัก
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังคงไม่มีแถลงการณ์ใดๆ อย่างเป็นทางการหลังการโจมตี แต่ไดโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่า ทุกอย่างยังอยู่ดี เหตุขีปนาวุธที่ยิงจากอิหร่านมายังฐานทัพสองแห่งในอิรัก ตอนนี้กำลังมีกรประเมิณความเสียหาย แต่เท่าที่ดู ทุกอย่างดี สหรัฐฯมีการทหารที่แข็งแกร่งและพร้อมที่สุดในโลก และทรัมป์เตรียมจะออกแถลงการณ์เช้าวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น
อิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก 2 แห่งเมื่อเช้าตรู่วันพูธ เวลาประมาณ 1.45 น. ยาวนานครึ่งชั่วโมง ด้วยขีปนาวุธทั้งหมด 22 ลูก มี 17 ลูกตกลงที่ฐานทัพอากาศ อัล-อสาด ขณะที่มี 2 ลูกไม่ระเบิด และที่เหลือตกลงที่เขตทางตอนเหนือของเมืองเออร์บิล แม้จะไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ และประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศว่าทุกอย่างยังอยู่ดี แต่เพจข่าวความมั่นคงของอิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 80 คน พร้อมทั้งสร้างความเสียหายให้โดรน เฮลิคอปเตอร์ และอุปกรณ์ทางทหารของสหรัฐฯเป็นอย่างมาก