15 ปี ซีเกมส์-แว่น คู่รัก LGBTQ ความรักไม่จำกัดเพศ...แต่อยู่ที่เรา

แต่ด้วยแนวคิด “ความรักไม่จำกัดเพศแต่อยู่ที่เรา” จึงทำให้ทั้งคู่รักและดูแลกันมาเป็นเวลา 15 ปี พร้อมฝากข้อคิดกลับมายังสังคมถึงเวลาหรือยังที่เราควรเปลี่ยนความสงสัยความรักของ LGBTQ+ เป็นการชื่นชมจะดีกว่า

“ซีเกมส์-แว่น” รักเราออกแบบไม่ได้

ซีเกมส์ : "ความเป็นจริงเกมส์อยากจะบอกว่าเราทั้งคู่เริ่มต้นมันอาจจะไม่ใช่เริ่มต้นแบบถูกหลัก เกมส์คบทอมมาก่อน ซึ่งในระหว่างที่เกมส์มาเจอแว่นเกมส์ก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาเองก็มีแฟนอยู่แล้วที่เป็นผู้หญิงคบกันมา 7 ปี ส่วนของเกมส์ 2 ปี แล้วเราก็มาเจอกันเริ่มคุยกันตอนที่เราเรียนปี 3 ความสัมพันธ์มันก็จะอยู่คาราคาซังจนเรียนจบ แต่ในส่วนของเกมส์จะเลิกกับแฟนเก่าที่เป็นทอมก่อนแล้วเกมส์ก็มาคบกับเขาเป็นที่สองอยู่ ณ ตอนนั้น"

แว่น : "ก็เริ่มต้นไม่ดีหรอกแต่ว่าคือตัวเรา เราคิดว่าเดี๋ยวเรียนจบมันก็คือมันก็คือจบ แต่พอเวลาระหว่างปีสองปีที่อยู่ด้วยกัน ความรู้สึกมันก็แบบเยอะขึ้นๆ รู้ตัวอีกทีก็คือยังอยากคุยกับเขาอยู่ ตัวแว่นเองคบสองคนมันไม่มีความสุขเลย เรารู้สึกมันไม่เต็มร้อยทั้งหมดความสุข"

"เพราะว่าเรารักทั้งสองคนรู้สึกดีทั้งสองคน เราก็เลยแบบถึงเวลาแล้วที่เราต้องถอยออกมาแล้วก็ไม่ได้คุยทั้งสองคนเลยนะ เราก็มาถามตัวเองว่าเรายังอยากคุยกับใครมากกว่ากัน อยากอยู่กับใครมากกว่ากัน คิดถึงใครมากกว่า เพื่อให้รู้ตัวเองว่าต้องการใครมากที่สุด"

ซีเกมส์ : "ในระหว่างนั้นที่เกมส์เป็นสอง ต้องบอกเลยว่าหนูไม่ได้คุยกับใครเลย หนูก็รออยู่อย่างนั้นแล้วหลายคนสงสัยว่าเราเองไม่คิดจะแสดงตัวหรอ หนูพูดเลยว่าหนูไม่คิดแสดงตัว หนูอยู่ของหนูอยู่ในส่วนของหนู เรารู้สึกแค่ว่าเราคุยกับเขาแล้วอย่างที่หนูบอก หนูคุยกับเขาแล้วหนูแฮปปี้แล้วหนูรู้สึกว่ามันจะมีสักกี่คนที่รับเราได้ในทุกๆ เรื่อง หลายๆ เรื่องเลยอะไรอย่างนี้"

แว่น : "ไม่รู้จะตอบเป็นคำพูดยังไงเพราะทุกครั้ง ทุกวันนี้เขาก็ยังถามนะว่าทำไมแว่นเลือกเขา ความรู้สึกมันบอกคือรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วแฮปปี้มีความสุข ขาดเขาไม่ได้โน่นนี่นั่น แล้วความรู้สึกข้างในคือมันต้องอยู่กับเขา"

“ครอบครัว-เผลอใจ” บทพิสูจน์ความรัก

แว่น : "ต้องบอกก่อนที่บ้านแว่นเป็นบ้านคนจีนที่บ้านเขาไม่ได้รับเกมได้ เขารับแว่นได้เขาคงแบบแย่แล้วที่แว่นคบกับผู้หญิง ถ้าเกิดใครมองเขาก็ต้องรู้ว่าคือเกมส์เป็นแบบนี้ก็ต้องชอบผู้ชาย เขาก็กลัวว่าเกมส์มาทำให้เราเสียใจตอนแรกเขาก็โดนอาด่าเยอะมาก เยอะแต่ก็ทน"

ซีเกมส์ : "เคยเป็นฟิวคุยกับคนเนี่ยแต่คนนี้ไม่คุยกับเรามองเราเป็นธาตุอากาศและในขณะที่ทุกคนคือนั่งกินข้าวกันรวมถึงเราแต่เขาไม่อยากคุยกับเราเขาก็ไม่คุยแล้วแบบเอาไงดี มันผ่านอุปสรรคมาเยอะมากคือด้วยความที่ว่าเราเจอเรื่องครอบครัวเสร็จปุ๊บ มันมีช่วงนึงที่ต้องย้ายบริษัทไปทำงานอีกทีนึง"

"อันนี้เป็นความผิดของหนู ซึ่งเผลอมีคนอื่นเป็นทอมรุ่นน้องที่อยู่ที่ทำงานคือตัวหนูเองหนูก็ยอมรับว่าหนูผิด คือด้วยความที่เราคบกันมานาน พอเราเจอคนใหม่ที่เข้ามาจีบ 

 

จนแบบว่าเราก็เผลอใจไปคบ พอเขาจับได้ก็จะเลิกเลย แต่คือวันนั้นเราตัดสินใจเราจะหยุดคือวันที่เราเห็นน้ำตาเขา วันที่เขาร้องไห้ แล้วพอหลังจากที่ทุกอย่างเคลียร์แว่นเองก็มาถามเกมส์ทั้งๆ ตัวหนูเองผิด

แว่นถามว่าเขามีอะไรที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก ยอมรับตัวหนูเองใจแข็งไม่พอ คือมันไม่ใช่อยากเขาเปลี่ยน แต่มันเป็นฟิวเหมือนประมาณว่า หนูต้องอย่าคาดหวังแต่หนูก็ต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นให้มากขึ้น ทุกวันนี้หนูเลยบอกว่าไม่เป็นไรอย่างนี้แหละ

แต่แค่ว่าช่วงนั้นมันด้วยความที่คบมานานความหวานมันน้อย พอมีคนเข้ามาเติมความหวานมันก็หวือหวา ที่นี่หนูก็เลยมาคาดหวังกับเขามากกว่าแบบเขาต้องทำเหมือนกันแน่เลยแต่ปรากฎว่าเขาไม่ได้ทำ

แว่น : อันนั้นคือโปรโมชั่นเธอเดี๋ยวนานก็ไม่ได้หรอก ต้องอย่างฉันนี่ เสมอต้นเสมอปลาย

“เพศ-เซ็กส์” ไม่ใช่ข้อจำกัดแต่อยู่ที่ใจ

ซีเกมส์ : "แว่นจะหนักของเกมส์ต้องบอกว่าเกมส์ค่อนข้างจะโชคดีตรงที่ว่าแม่รับได้แม่ไม่ซีเรียส เพื่อนรอบข้างก็โอเค แต่อย่างของแว่นเขาจะหนักว่าครอบครัวไม่พอเขาเรียนโรงเรียนหญิงล้วน คือแว่นคบกับแฟนเก่ามาตั้งเจ็ดปีมันไม่แปลกหรอกที่เพื่อนในกลุ่มจะรักคนนั้นมากกว่า"

แว่น : "แต่ว่ามันก็จะมีเพื่อนบางคนที่แบบมึงชอบของมึงยังไงก็แล้วแต่ก็คิดดีๆ เขาไม่ได้แอนตี้แบบไม่รับหรืออะไรนะ แต่ทุกคนก็จะแบบมึงมีอะไรกันยังไง มันทำให้เราแบบรู้สึกอัดอัด มานั่งถามเราอย่างนี้มันไม่ใช่ไหม แต่คือระหว่างแว่นกับเกมเรื่องพูดง่ายเรื่องเซ็กส์ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว แว่นมองเขาเป็นผู้หญิงตั้งแต่วันแรกที่แว่นรู้สึกว่าแว่นอยากคบกับเขาอยู่แล้ว

ซีเกมส์ : เกมส์ไม่ซีเรียส เกมส์ไม่อึดอัดเพราะด้วยความที่ว่าเราเป็นแบบนี้ ก่อนที่เราจะมาเจอคำถามแบบนี้ เราเจอคำถามที่สังคมกดดันตั้งแต่แม่เรามีลูกเป็นกะเทย คือหนูโดนมาเยอะจนหนูรู้สึกว่าหนูมีภูมิพอ แต่คือพอหนูมาคบกับแว่นหนูกับห่วงเขามากกว่า

แว่น : "คือแว่นไม่ได้อายว่าเรื่องเซ็กส์เราจะทำยังไงไม่ได้ซีเรียสคือมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนสองคน แต่แว่นรู้สึกว่ามันใช่เรื่องที่เราต้องมานั่งตอบทุกคนให้คนอื่นฟังกันมันไม่ใช่เรื่อง แค่เขารู้ว่าเรารักกันอยู่ด้วยกันมีความสุขมันก็น่าจะพอแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจว่ามันคือเขา แว่นตัดสินใจจากใจถึงบอกว่าแว่นไม่สามารถพูดได้ว่าเขาๆ ทำไมถึงเลือกเขา แต่หัวใจแว่นบอกว่าเราๆ รักเขาขาดเขาไม่ได้

ซีเกมส์ : "คือมันผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก คืออยากจะขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่แบบไม่เคยทิ้งกันเลย ไม่เคยทิ้งหนูแม้แต่วินาทีเดียวไม่ว่าจะเรื่องอะไรขอบคุณที่อยู่ข้างๆ มาตลอดมันทำให้อย่างน้อย มันทำให้คนอื่นเห็นได้ว่าหนูเป็นแบบเนี่ยความรักของหนูก็ยั่งยืนได้"

"เหมือนกับชายจริงหญิงแท้ทั่วไป ความรักมันจะอยู่รอดก็ต่อเมื่อเรามีความเข้าใจกัน รักกันยอมรับกันในสิ่งที่เราเป็นแต่เราอย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองนะ แต่เราต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นให้ได้ ถ้าเรายอมรับไม่ได้ก็แค่แยกจากกันแค่นั้น แต่ถ้าเราคิดว่าเรารับได้ก็นั่นแหละก็คบกันต่อไป"

“สมรสเท่าเทียม” แค่คำปลอบประโลม LGBTQ

ซีเกมส์ : "โดยส่วนตัวสำหรับเราจริงๆ เราไม่ได้เดือดร้อนเพราะว่าจดได้ แต่อย่างในกรณีที่เขาเป็นผู้ชายๆ ด้วยกัน หรือ ผู้หญิงๆ ด้วยกัน เขาจะไม่สามารถจดได้ ซึ่งหนูมองว่าสมรสเท่าเทียมมันมีความจำเป็นแต่เหนือกว่านั้น รายละเอียดของกฎหมายเราต้องให้เท่ากับชายจริงหญิงแท้ ทุกวันนี้หนูมองว่าคำว่าสมรสเท่าเทียมคือคำสวยหรู ปลอบประโลมให้กับ LGBTQ เหมือนประมาณว่าประเทศไทยกำลังจะยอมรับนะแต่มันยังไม่ใช่"

"เพราะถ้าเราลงลึกไปในรายละเอียด เรายังไม่ได้รายละเอียดหรือสัญญาอะไรทุกอย่างเหมือนชายจริงหญิงแท้ที่เขาได้กัน ตอนนี้เราอยู่ในเดือนของความหลากหลายทางเพศแบรนด์ใหญ่ๆ บริษัทใหญ่ๆ ที่เรารู้จักที่เราคุ้นเคยเปลี่ยนต่างรูปโปรไฟล์หน้าปกเป็นการให้ยอมรับว่าให้เกียรติเราในความหลาหหลายทางเพศ แต่ลึกลงไปข้างในมันคือแค่การทำคอนเทนต์ของคุณให้คนที่เป็น LGBTQ หันมาสนใจแค่นั้นเอง

"คือหนูอยากให้เรื่องการยอมรับ LGBTQ ไม่ใช่เป็นแค่คอนเทนต์หนูอยากให้เป็นการยอมรับจริงๆ ในสังคม เพราะสุดท้ายแล้วถึงเวลาที่เราเรียกร้องจริงๆ กลุ่ม LGBTQ ก็โดดเดี่ยวอยู่ดีไม่ได้มีบริษัทใหญ่หรือสำนักงานไหนอะไรใหญ่ๆ มาสนับสนุนคอยผลักดันกฎหมายเป็นเรื่องเป็นราว มันเป็นแค่กลุ่มเรากลุ่มเดียว เราไม่ต้องไปพูดถึงกฎหมายเราแค่พูดถึงการยอมรับของคนในสังคมก่อน คุณเปิดใจกับเพศสภาพ LGBTQ มากน้อยแค่ไหน

"ทุกวันนี้มันยังเป็นแค่คำพูดอยู่เลย ถ้าคุณยอมรับจริงคุณให้โอกาสเพศ LGBTQ จริง ทุกวันนี้เราจะต้องมีหมอ มีรัฐสาหกิจเป็นพนักงานที่เป็น LGBTQ มากกว่านี้แล้วทุกคนจะต้องแต่งกายได้ตามเพศสภาพ ไม่ใช่ทุกวันนี้ยังหลบๆ ซ่อนๆ กันอยู่เลย ยิ่งแบบข้าราชการไม่ต้องห่วงแค่ไปยื่นเอกสารสมัครงานนี่ก็คือปัดตุ้บแล้วนะ ยังไม่ต้องถึงขั้นว่าคุณจะได้สอบหรือเปล่านะ"

"จริงๆ แล้ว LGBTQ ก็คือคน ๆ นึงมีเลือดมีเนื้อมีหัวใจมีความรู้สึกเหมือนทุกคนชายจริงหญิงแท้ อยากให้เปลี่ยนความสงสัยเป็นความชื่นชมยินดีกับเราดีกว่าค่ะ เพราะว่าคนคบกันอ่ะเนอะมันก็คือเรื่องราวดีๆ อยู่แล้วความรักอยากให้ชื่นชมมากกว่ามาตั้งข้อสงสัย ถ้าเกิดให้เราสังเกตอย่างเนี่ย ตอนนี้ทุกคนชื่นชมมากเลยนะมีซีรีส์วายแฟนคลับเต็มไปหมดเลย"

"แต่พอถึงเวลาจริง ๆ คุณไม่ได้ชื่นชมกับคนจริงๆ ที่เขาเป็นแฟนกันจริงๆ แต่คุณกลับไปชื่นชมตัวละครที่เป็นชายรักชายคือเกมกำลังจะบอกว่าอยากให้เปิดโอกาสในเมื่อคุณชอบซีรีว์วายชายรักชายก็อยากให้คุณให้โอกาสคนที่เขาเป็นเพศเดียวกันแล้วรักกันเพราะว่ายังไงสุดท้ายแล้วเราก็คือคนเหมือนกัน"