"วิว พงศ์ชนก กันกลับ" มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2552 และ อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย สะท้อนเรื่องความจริง ค่าตอบแทน-สวัสดิการ คือเรื่องเศร้าวงการกีฬาไทย
"ถ้าวิวช่วยอะไรที่เกี่ยวกับวงการกีฬาได้ วิวจะทำไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาอะไรก็แล้วแต่"
ประโยคที่บอกถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ของ “วิว พงศ์ชนก กันกลับ” อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของตำแหน่ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2552 ที่ใช้เวลากว่า 10 ปี ออกหาทุน อุปกรณ์กีฬา และอีกมากมาย เพื่อนำไปมอบให้กับโรงเรียนและเด็กๆ ที่ขาดแคลน
โดยจุดเริ่มต้นมาจากความสงสารและความลำบากในวัยเด็กที่มุ่งมั่นอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย และจากการได้เข้ามาอยู่วงการกีฬาทำให้เธอได้เห็นปัญหา โดยเฉพาะค่าตอบแทนและสวัสดิการนักกีฬาหากรู้แล้วจะต้องเศร้าใจ และถึงเวลาที่จะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
"นางงาม" ผู้ส่งต่อความสุขให้วงการกีฬา
"วิวคิดว่าอย่างแรกการเป็นนางงามคนส่วนใหญ่ประกวดจบก็อยากจะไปเล่นละคร หรือไปทำอะไรที่ให้ตัวเองมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ตัววิวเองรู้สึกว่าสัมผัสกีฬามาตั้งแต่เด็กแล้วเราเห็นเพื่อน เห็นน้องๆ ที่เรารู้จักรู้สึกว่าเขามีความลำบากกันเยอะมาก ๆ แล้วแต่ละคนที่มีความลำบากเขาจะมีความพยายามมากว่าเด็กที่พ่อแม่มีตังค์ เขามีความพยายามที่อยากติดทีมชาติ แล้วเด็กพวกนี้ค่ะเขาขาดโอกาสพวกไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆ
วิวเลยอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่อยากจะช่วยสังคมเกี่ยวกับวงการกีฬาตรงนี้ เพราะว่าเห็นตั้งแต่เด็ก ตัววิวเองตอนเด็กๆ ก็ลำบากเหมือนกัน ครอบครัววิวก็ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อพอเรามีก็เลยอยากจะช่วยเหลือเด็กตรงนั้นที่เราสามารถทำได้โดยใช้ชื่อเสียงของเราว่าเราเป็นนางงามนะ เดี๋ยวจะไปช่วยโปรโมตในรายการของเรานะ"
แล้วเราช่วยอะไรได้เราก็ช่วยแล้วคุณพ่อคุณแม่วิวเหมือนเขาปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าถ้าเรามีเราไม่ลำบากถ้าให้เขาได้เราก็ให้ บางคนบอกเป็นนางงามสร้างภาพ เปล่าเลยหนูทำเพราะหนูอยากช่วย อย่างวงการศิลปะที่วิวเข้ามาทำ วิวก็รู้สึกว่ามันเหมือนกับนักกีฬา เด็กส่วนใหญ่ที่วาดรูปไม่ใช่ว่าจะมีตังค์บางคนจบมาอยากวาดรูปไม่ทุนก็ต้องไปทำอย่างอื่น วิวก็เห็นคล้ายๆ วงการศิลปะเหมือนกับวงการกีฬา เราเข้าวงการตรงนี้มาอย่างน้อยมาช่วยคนได้รู้จักวงการศิลปะมากขึ้น ให้คนได้เห็นได้รู้จักให้รู้สึกว่าศิลปะความจริงแล้วมันอยู่ใกล้ตัวเรานะคืออยากทำตรงนี้ให้คนได้เห็น
"ค่าตอบแทน-สวัสดิการ" เรื่องเศร้าวงการกีฬาไทย
เรื่องค่าแรงนักกีฬาทีมชาติวิวพูดได้เลยว่าน้อยมาก ใช้วันนึงก็หมดแล้วแต่เขาไม่แก้ไข ซึ่งความจริงอาจจะมีเงินมากกว่านั้น แต่เขาก็ไม่เอามาให้นักกีฬา ไม่รู้ว่าข้างบนเขาบริหารกันอย่างไง เงินมาถึงนักกีฬาเพียงเท่านี้ บางคนอยากติดทีมชาติสู้แทบตายเลยแต่ได้เงินเดือนน้อยนิดมันไม่พอจนบางคนต้องออกจากทีมชาติเพราะมันไม่ไหว บางทีพอติดทีมชาติแล้วเขาอยากจะขอเพิ่มเงินเดือนบอกสมาคมหรือว่าอะไร เขาก็โดนกั๊กไม่ให้ไป
วิวมีเพื่อนๆ นักกีฬาเยอะมากที่เจอปัญหานี้คืออยากพูดแต่พูดไม่ได้ พูดเสร็จก็ไม่ให้ไปแข่ง เราไม่ได้พูดนักกีฬาคนไหนจะกล้าพูด นักกีฬาบางคนติดทีมชาติอยู่เขาก็ไม่กล้าพูด อย่างวิวรู้สึกวิวโชคดีที่ว่าเราเป็นทีมชาติแล้วเราค่อยมาได้นางงามมันทำให้เรามีรายได้ตรงนี้เพิ่มขึ้นมา แต่เพื่อนเราบางคนเป็นแค่นักกีฬาทีมชาติทุกวันนี้เขาก็ได้เงินเดือนอยู่เท่านั้นแล้วก็มันได้เพิ่มขึ้นกว่านั้น ถึงแม้ผลงานจะดียังไงก็คือเท่าเดิมมาโดยตลอด
"แล้วก็เรื่องของค่าแรงวิวว่าควรจะเพิ่มมูลค่าให้มากกว่านี้เพราะว่าหลักร้อยมันก็ไม่ไหวต่อวัน มันเหนื่อยแล้วมันต้องบาดเจ็บแล้วก็เรื่องของสวัสดิการต่างๆ เพื่อนวิวเป็นนักกีฬายิงปืนเขาบอกจะไปแข่งได้กระสุนมาแค่ไม่กี่ลูก สรุปแล้วเราก็ต้องไปจ่ายตังค์ซื้อเองหมดเป็นหมื่นๆ ปืนบางทีก็ต้องซื้อใหม่ ซึ่งเขาจ่ายเองแทบจะหมดความจริงแล้วเขาเป็นนักกีฬาระดับนี้ก็ควรจะดูแลเขา เขาก็ต้องเอาเงินมาซื้อตรงนี้เงินเดือนที่ได้มาก็แทบจะจะไม่เหลืออะไรแล้ว
ส่วนเรื่องของสวัสดิการของนักกีฬาระดับชาติความจริงมันควรจะครอบคลุมทั้งหมด เพื่อนวิวที่เป็นนักกีฬาทีมชาติไปผ่าตัดเข่า สรุปเขาจ่ายตังค์เองทั้งๆ ที่รับใช้ชาติอยู่ในขณะนั้นสมาคมไม่ได้ช่วยอะไรเขาก็บอกมีวงเงินประกันไม่เกินหนึ่งพันบาทจะไปผ่าตัดอะไรได้ มันมีหลายอย่างที่ไม่ครอบคลุมให้กับนักกีฬาแต่ว่าเขาไม่แก้ไขกัน ถ้าเกิดเราดูยุคก่อนๆ พี่รุ่นพี่ได้เหรียญโอลิมปิกมีเยอะนะ
ลองดูปีล่าสุดได้แค่ไม่กี่เหรียญทอง นักกีฬาของเราก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ มันก็สามารถเป็นผลออกมาแล้วว่า สะท้อนออกมาว่ามันแย่ลงเรื่อยๆ แต่ก็ชิลผู้ใหญ่ชิลเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ความจริงมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้หมดค่ะ แต่ว่าไม่รู้ว่างบที่ได้ตรงนั้นมาแล้วเขาทำแค่เท่านี้เราก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเงินที่เหลือเอาไปทำอะไรหมด"
"สนับสนุน-ผลักดัน" สิ่งที่ควรเกิดในวงการกีฬาไทย
"กีฬามันเหมือนเป็นแบบรากเหง้าเขาควรแก้ไขตั้งแต่เริ่มเลยไม่ใช่มาสนับสนุนเด็กตอนที่เขาดังแล้ว มีชื่อเสียงแล้วซึ่งจริงๆ แล้วการเป็นแรงผลักดันให้เด็กตั้งแต่แรกไม่ว่าจะให้เขาเรียนฟรีก็ได้ มีสถานที่ให้เล่นกีฬาให้เขาแบบจริงจัง เป็นแบบโรงเรียนแยกออกมาเลยเกี่ยวกับกีฬาสนับสนุนไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายแล้วก็ดูว่าแววคนไหน เด็กคนไหนสามารถสานต่อก็ไปได้เหมือนส่งเสริมเขาให้ไปสุดทางจนเขาติดทีมชาติ
หรือว่ารับใช้ชาติไม่ใช่พอเขาได้เหรียญมาถ่ายรูปยิ้มรับเงินจบ แต่ก่อนหน้านั้นคุณไม่รู้หรือว่าเขาลำบากขนาดไหนกว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับนี้ อย่างข่าวล่าสุดเราก็เห็นเด็กบางคนที่อยากเป็นนักวิ่งเขาก็เขาสก๊อตเทปพันเท้าตัวเองอย่างเนี่ย แล้วไปซ้อมวิ่งซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือว่าผู้ใหญ่ ที่พอเห็นสมาคมก็ได้ที่เห็นเด็กคนเนี่ยแล้วเขามีความพยายามน่าจะสนับสนุนตรงนี้นึดนึง
วิวคิดว่ายังมีเด็กอีกหลายๆ คนที่ชอบเล่นกีฬาแต่ว่าเขาไม่มีโอกาส ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็รู้มาตั้งแต่แบบยี่สิบสามสิบปีก่อน หรืออาจจะก่อนวิวเกิดก็ได้มันมีมาตั้งนานแล้วว่าคนขาดโอกาสตรงนี้เยอะแต่ก็มีแต่ผู้ใหญ่พูด พูดเสร็จก็ไม่เห็นทำอะไรเลย เราก็เหมือนเป็นคนๆ นึงที่พอมีชื่อเสียงบ้างก็อยากเอาตรงนี้เข้ามาช่วยซึ่งเห็นแล้วก็สงสาร สงสารเด็กๆ ค่ะเพราะว่าเด็กอยากเล่นกีฬาเยอะมากแต่ไม่มีโอกาสที่ให้เขาได้มายืนแบบวิวโชคดีแบบนี้ค่ะ"