ราคาที่ต้องจ่าย! แชมพ์ พีรพล จากถูกปลดสู่จุดเปลี่ยน
"แชมพ์ พีรพล เอื้ออารียกูล" พิธีกรมากความสามารถ มีลีลาและสไตล์ไม่ซ้ำใคร เป็นที่จับตามอง และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่เวลาและผลงานก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นตัวจริงของเขา
แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วชีวิตพลิกผันถูกปลดฟ้าผ่าออกจากเป็นพิธีกรช่องดังปมพาดพิงผู้นำตุรกีออกทีวีจนเกิดกระแสความมาพอใจ นั่นจึงกลายจุดเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้แชมพ์ค้นพบคำตอบในอาชีพพิธีกรและตั้งใจว่าจะเดินหน้าพัฒนารายการกีฬาของประเทศไทยเพื่อให้สังคมดีขึ้น
“เด้งฟ้าผ่า” กับราคาที่ต้องจ่าย
"เหตุการณ์นั้นพูดตรงๆ มันเป็นสิ่งที่น้อยคนที่จะรู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มันไม่ได้ออกมาเลวร้ายอย่างที่หลาย ๆ คนเห็น คนอาจจะเห็นว่าเป็นข่าวเสร็จและผมออกไปเลยมันไม่ใช่อย่างนั้น จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่พูดยากเพราะว่าเราอยู่ในสังคมที่มาตรฐานเราไม่เท่ากัน คือจริงๆ ผมมีโอกาสได้อธิบายให้หลาย ๆ คนฟังว่าข้อมูลทั้งหมดมีหนังสือพิมพ์อย่างน้อยในประเทศไทยสองฉบับที่เขียนอย่างนั้นและก็พูดเหมือนกัน
ด้วยความโชคร้ายที่ผมอาจจะเป็นคนที่คนรู้จักมากกว่า และก็รู้สึกว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเป็นคนที่มีชื่อเสียง เพราะว่าคนอื่นเขียนผมไม่เห็นเป็นอะไร พอผมพูดมันกลายเป็นประเด็นลีลาผมอาจจะสนุกและก็ตื่นเต้นและก็เร้าใจและก็โน้มน้าวคนมากกว่า ฉะนั้นผมก็คิดว่ามันเป็นความไม่แฟร์
แต่ผมก็ไม่ได้เศร้าเพราะในโลกนี้มีคนที่ไม่ได้รับความไม่ยุติธรรมมากกว่าผมและลำบากกว่าผมก็เป็นบทเรียนของผม อย่างที่ผมบอกมันเป็นราคาที่ต้องจ่ายของการที่อยู่ข้างบน คุณทำผิดอะไรนิดนึงก็นั่น แต่ถ้าเกิดคุณทำสำเร็จทั้งโลกก็จะรู้ผมค่อนข้างจะเข้าใจชีวิต
“แชมพ์ พีรพล” พิธีกรหิวแสง?
"ทุกคนที่ทำรายการอยากเป็นที่รู้จัก แต่ผมคิดว่าส่วนตัวผมนะ คือนิยามของคำว่าหิวแสงแต่ละคนมันต่างกัน คือผมว่าผมอยากทำรายการให้ดัง ฉะนั้นคำว่าหิวแสงสำหรับผม ผมว่าผมอยากจะเป็นที่ประจักษ์แล้วกัน"
"สิ่งที่คุณเห็นคือตัวผมคนส่วนใหญ่จะคิดว่าผมสร้างคาแร็คเตอร์แบบนี้ขึ้นมาซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ผมเป็นคนอย่างเนี่ย ผมเข้าใจเลยนะว่าทำไมคนบางคนอาจจะไม่ชอบผมเพราะว่าด้วยภาพลักษณ์ของผม"
"ผมเข้าใจว่ามันอาจจะต้องมีคนที่หมั่นไส้หรืออิจฉา แต่ผมก็ต้องขอบคุณคนเหล่านั้นเพราะคนส่วนใหญ่ที่คอมเมนต์อย่างน้อยเขาก็ยังกรุณาดูรายการเรา ถ้าเขายังมาด่าเราได้ว่าเราทำอะไร เราอยู่ด้วยเรตติ้งคนดู ฉะนั้นต่อให้เขามาดูแล้วเขาไม่ชอบเราแล้วเขาว่าเราเราก็ต้องสะท้อนดูเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาว่าเรา เราเป็นจริงหรือไม่จริง"
"ผมอ่านนะคอมเมนต์ แต่คอมเมนต์ที่มันไม่ใช้สมองเราก็อย่าไปแคร์ แต่จริงๆ เป็นห่วงเขาเลยผมไม่ได้โมโหหรือรู้สึกไม่ดีเพราะเขาว่าผมนะ ผมเป็นห่วงเขาว่าเวลาเคมีที่เราเขียนอะไรลบ ๆ ผมเป็นห่วงคุณแล้วคุณดูรายการผม"
"ผมไม่อยากให้คุณเขียนด่าผมแล้วเครียดแล้วตายผมยังต้องการเรตติ้งจากคุณอยู่ ผมอยากให้คุณดูรายการผม คือผมคิดไปถึงจุดนั้นแล้ว ในกองขยะอาจจะมีคำวิจารณ์มันอาจจะมีทองซ่อนอยู่ก็ได้ เราห้ามให้เขาเขียนไม่ได้หรอก แต่เราบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจสิ่งที่มันไม่มีสาระและก็สนใจสิ่งที่ดี"
“คำดูถูก” แรงผลักดันสร้างรายการกีฬาน้ำดี
"เพราะคำดูถูกเมื่อสิบหกปีก่อนไม่มีใครอยากเป็นนักกีฬาหรอกอย่าว่าแต่พิธีกรกีฬาเลยไม่มี แต่ผมอยากจะช่วยทำให้ความเป็นไทยมีคุณค่า ผมสามารถทำให้นักกีฬาสมัยก่อนได้เงินหลักหมื่น ทำให้จนนักกีฬาบางคนได้เงินเป็นล้านต่อเดือน วันนี้ผมสนใจช่วยงานศิลปะ ภาพมันใหญ่ขึ้นอยากจะช่วยประเทศไทยให้มันมีตัวตนและก็ไม่ให้มันผุพังและก็เห็นค่ากันและกันและก็ทะเลาะกันมากไปกว่านี้มากกว่า"
"ผมจะเล่าเรื่องนึงให้ฟัง ทีมแดงในอังกฤษที่ดังมากมาเจอกับทีมชาติไทยและนักบอลทีมชาติไทย เขารู้สึกอย่างไงถ้าคนเข้ามาแน่นในราชมังคลาฯ แล้วเขาเป็นคนไทยแต่เขาเชียร์ทีมฝรั่งแล้วเขาโห่คนไทยรู้สึกยังไง แล้วเขาได้ทุกอย่างรถเขาก็จอดอยู่หน้ารถเราแต่เราต้องให้เกียรติเขาจอดก่อนเขาดังกว่า เขารวยกว่า แล้วเขาขี้ร้อนรถต้องเปิดแอร์ให้เขาก่อนแล้วคิดยังไงว่าตัวแทนของชาติเจ็ดสิบล้านคนต้องไปนั่งเนื่องจากไม่มีใครขอลายเซ็นต์"
"ก็ต้องมานั่งรอยังออกไม่ได้ฝรั่งยังไม่ออก แล้วรถคันนั้นก็สตาร์ทรถนักบอลฝรั่งร้อนแล้วตัวแทนของเราเจ็ดสิบล้านกว่าคน คนไทยเหมือนกันต้องไปนั่งสูดท่อไอเสียของเขาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงรู้สึกยังไงผมได้ยินตรงนั้นเสร็จนั่นแหละว่าทำไมหลัง ๆ ผมถึงพยายามที่จะมาให้ค่ากับนักกีฬาไทยหรือแม้กระทั่งศิลปะในประเทศไทย"
"ผมคิดว่าคนดูกีฬาในประเทศนี้มีเยอะแต่คนที่ดูกีฬาเป็นผมว่ามีน้อย ผมไปดูบอลที่อังกฤษผมยังเศร้าเลยเขาเชียร์ทีมเดียวกันแต่เมา พอมันเมาเสร็จก็ชกกันผมว่านั่นมันไม่ใช่หน้าที่ของกีฬา การดูกีฬาเป็นคือการที่คนสองคนสามารถใส่เสื้อสองสีและสามารถมานั่งในสนามเดียวกันโดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าเหย้าหรือเยือนและคุณสามารถดูแล้วคุณก็บอกว่านักกีฬาเล่นกันเต็มที่จบคือจบผมกับคุณสุดท้ายเราคือมนุษย์ของโลกเหมือนกันเนี่ยดูกีฬาเป็น"
"สิ่งที่ผมพยายามจะทำผมต้องการทำรายการผมเพื่อพัฒนาประเทศนี้แล้วคุณเป็นคนในประเทศนี้ผมก็มีหน้าที่รับใช้ประชาชนในการเอาสิ่งดี ๆ เสิร์ฟให้คุณเพื่อทำให้สังคมมันดีก็แค่นั้นเอง ผมทำได้แค่ผมนำเสนอทัศนคติที่ควรจะเป็นผมว่าความรักชาติมันต้องมี แต่ถ้าคุณยังไม่เปลี่ยน คุณยังมองว่าไทยกระจอกเราก็จะอยู่ในสังคมที่มีแต่คนดูถูกกัน"
