svasdssvasds

Wonder Woman 1984 : Loser กับแรงกดทับ ในยุค Pop Culture

Wonder Woman 1984 : Loser กับแรงกดทับ ในยุค Pop Culture

Wonder Woman 1984 หนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ และความเจ็บปวดของยุคสมัย รวมถึงก่อให้เกิดคำถามว่า ที่ผ่านมา เราต่างได้เรียนรู้อะไรจากอดีตบ้าง ?

Wonder Woman ที่เปิดตัวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล DC ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ทำรายได้กว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ ทำให้ภาคต่อที่ชื่อว่า Wonder Woman 1984 ได้รับการคาดหวังที่สูงตามไปด้วย

ในภาคนี้เป็นเหตุการณ์ในยุค 80 (ห่างจากภาคแรกกว่า 60 ปี) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วัฒนธรรม Pop กำลังเบ่งบานอย่างสุดขีด ที่ไม่เพียงสะท้อนผ่านแฟชั่นการแต่งตัว แต่ยังมีอิทธิพลทางความคิด และผู้คนต่างโหยหาวิถีชีวิตตามสูตรสำเร็จที่เรียกว่า American Dream

เป็นยุคที่กระแสบริโภคนิยม ถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง โทรทัศน์คือสื่อที่ทรงอำนาจ เป็นยุคที่ถูกมองว่า “ฉูดฉาด แต่ฉาบฉวย” แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่น่าหวั่นเกรง จากสภาพการณ์สงครามเย็น ที่สหรัฐฯ กับ โซเวียต (รัสเซีย) กำลังฮึ่มๆ กัน ซึ่งหากทั้งสองเปิดศึกและถล่มกันด้วยนิวเคลียร์ ก็จะสร้างหายนะให้กับโลกใบนี้ในพริบตา

Wonder Woman 1984 : Loser กับแรงกดทับ ในยุค Pop Culture

ด้วยสถานการณ์โลกในเวลานั้น ที่ตึงเครียด และรูปแบบของสังคมที่เชิดชูวิถีชีวิตแบบ American Dream ที่กดดันให้ผู้คนต้องดิ้นรนเพื่อประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เงินทอง ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่สามารถเป็นอย่างนั้นได้

แต่ในขณะเดียวกัน สังคมก็ได้สร้างปม และสร้างคนที่ถูกเรียกว่า Loser ขึ้นมาอย่างมหาศาล คนที่รู้สึกว่าตนเองห่วยแตก ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นไอ้ขี้แพ้ ไม่เป็นที่รู้จัก ฯลฯ เป็นประชากรที่ถูกกดทับ ลดทอนคุณค่า และรู้สึกว่าความล้มเหลวคือตราบาปของชีวิต

Wonder Woman 1984 นำเสนอเรื่องราวของคนกลุ่มนี้ ผ่านตัวละครที่ชื่อว่า Barbara และ Maxwell Lord ที่ต่อมาการได้รับพรวิเศษ ทำให้คนที่ถูกตีตราว่า Loser มีพลังอำนาจขึ้นมา และได้เอาคืน (แก้แค้น) สังคม ด้วยการสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกอย่างบ้าคลั่ง

แม้จะมีประเด็นทางสังคมอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เน้นสร้างความบันเทิงให้กับคนทุกเพศทุกวัย Wonder Woman 1984 จึงไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดที่ซับซ้อนทั้งในระดับปัจเจกและสังคมของยุคสมัยมากนัก แต่ก็แสดงให้เราเห็นถึงที่มาของ Barbara และ Maxwell Lord ซึ่งที่รับบทโดย Kristen Wiig และ Pedro Pascal ที่เป็นตัวแทนของ Loser ในสังคมยุค 80 ได้อย่างน่าเห็นใจ

Wonder Woman 1984 : Loser กับแรงกดทับ ในยุค Pop Culture

หนังได้ขยี้ปมของ Wonder Woman (Gal Gadot) โดยการให้ Steve Trevor (Chris Pine) รักแรกและรักเดียวของเธอ กลับมาเจอกันอีก ซึ่งได้ช่วยสร้างมิติให้กับตัวละคร ผ่านความขัดแย้งระหว่างการทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ หรือจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ประกอบกับเคมีของ Gal Gadot กับ Chris Pine ตรงกันแบบเหมาะเจาะ ทำให้ Wonder Woman 1984 น่าจะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่โรแมนติกที่สุดเลยเชียว

โดยรวมแล้ว Wonder Woman 1984 เป็นหนังที่ดูสนุก มีประเด็นทางสังคมให้ขบคิด ผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่ซับซ้อน แต่ก็สะท้อนสิ่งที่ต้องการสื่อได้อย่างชัดเจน

และหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ความคิดที่ผุดขึ้นมาก็คือ การเปรียบเทียบกันว่า ยุคนี้น่าอยู่กว่ายุคนั้น หรือยุคนั้นน่าอยู่กว่ายุคนี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร...

แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ก็คือ การตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ หรือประวัติศาสตร์ มากน้อยเพียงไร ? หรือเอาเข้าจริงๆ แล้ว ที่ผ่านมา มนุษย์เราต่างไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ?