ญารินดา ตั้งท้องเตรียมรับลูกคนที่สอง

นินา หรือ ญารินดา ใครหลายๆคงจำเธอกันได้นักร้องช่วงยุคปี2000ต้นๆ ซึ่งพักหลังๆมานี่เรายังได้เห็นผลงานการแสดงของเธอผ่านสายตากันมาบ้างโดยล่าสุด เจ้าตัวได้รับเล่นภาพยนตร์เรื่อง “ดิว ไปด้วยกันนะ” กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเร็วๆ ปัจจุบันเธอมีลูกชายหนึ่งคนชื่อน้อง ไท แต่ที่กำลงเป็นข่าวดีเพราะเธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง โดย ญารินดา เปิดใจว่า...

"ท้องได้จะ 4 เดือนแล้วค่ะ โชคดีไม่ค่อยแพ้ท้อง แต่เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แต่ว่าไม่ได้มีอาเจียนหรือว่าอะไร ยังทำงาน ยังอะไรได้เป็นปกติ ไม่ได้วางแผนอะไรเท่าไหร่ ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า"

ไท ลูกชายคนแรกว่ายังไงบ้าง

"(หัวเราะ) เขาก็บอกว่าเขาจะช่วยเลี้ยง แต่เขาก็บอกว่าเอาของเล่นเขาไปซ่อนหน่อยนะ ไม่อยากให้น้องแย่งเล่น (หัวเราะ) เขาตื่นเต้นเขาก็ถามทุกวันเลย เขาบอกว่าเขารอมาตั้งนานแล้ว คือดีใจกันหมด คุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า"

มีการวางแผนมาก่อนไหมว่าจะมีคนนี้

"ไม่ได้วางแผนอะไร แต่ก็คงจะต้องวางแผนแหละว่าคงไม่น่าจะมีคนที่สามแล้ว (หัวเราะ) คิดว่าน่าจะมีแค่ 2 คน"

รู้เพศหรือยัง

"ยังไม่อยากบอก (หัวเราะ)"

วางแผนชีวิตลูกๆ ไว้ยังไง

"ปกติเราไม่ค่อยวางแผน ส่วนใหญ่เราจะใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด รู้สึกแค่ว่าเขาเป็นคนดีมีความสุข แล้วเรามีความสุขแค่นั้นมันก็น่าจะพอแล้ว เขาอยากจะทำอะไร  อยากจะเป็นอะไร เราก็ซัพพอร์ตเต็มที่"

ผลักดันเข้าวงการไหม

"ไม่มีเลยค่ะ เพราะเขายังอายุน้อยมาก อยากให้เขาได้ทดลองให้มากที่สุด เพื่อให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไรหลายๆ อย่าง ให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเองแหละว่าเขาชอบทางไหน อยากจะไปทางไหน ตอนนี้เราก็แค่ให้โอกาส เขาอยากลองอะไรเราก็ให้เขาลอง ให้เขาได้มีประสบการณ์ที่มันหลากหลาย แต่เราไม่ได้เน้นไปป้อนให้ดขาว่าจะต้องเป็นแบบนั้น จะต้องเรียนนั้นเรียนนี่ จะไม่เน้นเรียนพิเศษ เพราะเรารู้สึกว่าช่วงเล็กๆ เป็นช่วงที่สมองจะพัฒนาได้ดีที่สุดจากการเล่นมากกว่าการเรียน เพราะฉะนั้นจะเล่นเป็นหลัก"

การท้องครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกไหม

"ค่อนข้างจะต่างกันเยอะมาก ครั้งแรกมันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่รู้เลย ชีวิตจะเป็นยังไงในการเลี้ยงตัวเล็กๆ ตอนนั้นเรานึกภาพไม่ออก ตอนนี้เรารู้แล้วว่าขั้นตอนมันมีอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นมันมีความชิลเยอะขึ้นเยอะ จะไม่มีคำถามเยอะเท่ากับครั้งแรก เราเลยไม่ได้ไปกังวล เพราะว่าเราเคยผ่านมันมาแล้ว เราเลยค่อนข้างจะเข้าใจตรงนั้น แต่ตอนนี้เรางานเยอะกว่าตอนนั้น ในแง่ของการทำงาน ในแง่ของการทำงานออฟฟิต เพราะตอนนี้เรามีออฟฟิตสถาปัตย์เป็นของตัวเอง มันมีความรับผิดชอบที่มันสูงขึ้น มันเลยเหนื่อยขึ้น เพราะว่าเราทำงานฟูลไทม์ ทำให้เรามีเวลาพักผ่อนไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน จะอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ อย่างจะนอนกลางวันก็ไม่ได้ เพราะเรามีลูกที่ต้องดูแล ฉะนั้นเลยจะเหนื่อยกว่าครั้งแรก"

คุณสามีมีห้ามไหม ไม่ให้ทำงานหนัก

"ไม่มีเลย นาว่าเขาเชื่อใจเรา รู้ว่าเราดูแลตัวเองได้ดี รู้ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะกับตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่มาจู้จี้ (หัวเราะ) นาโชคดีที่สามีช่วยเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่มากอยู่แล้ว ทำให้เราเหนื่อยน้อยลงเยอะ เพราะเขาช่วยเราทุกอย่างตรงนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความรับผิดชอบมันเยอะกว่าครั้งแรกที่ตอนนั้นไม่มีลูกกับตอนนี้ที่มีลูกหนึ่งคน"

ความแตกต่างของการมีลูกคนแรกกับการมีลูกคนนี้

"มันก็คล้ายๆ กันเนอะ แต่อย่างที่บอกว่าเราประสบทุกอย่างแล้วหนึ่งรอบ เราอาจจะชิลขึ้นในบางมุม กับเรื่องในแง่ของการเลี้ยงดูเด็ก เพราะว่าเรารู้แล้วว่าต้องทำยังไง หรือว่าเราสามารถประเมินผลตัวเองว่าที่ผ่านมาอะไรที่เราคิดว่าทำได้ดีกว่านี้ อะไรที่เราไม่เห็นต้องกังวลแบบนั้นเลย มันก็ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกันเราก็รู้แล้วว่าเลี้ยงลูกมันแพงแค่ไหน (หัวเราะ) โรงเรียนเดี๋ยวนี้ค่าเทอมมันเท่าไหร่ ในแง่ของการเริ่มวางแผนอนาคตมากขึ้น พอมีลูกสองคน ในแง่ของการเก็บออมเงิน เราไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องกังวลอะไร เพราะเป็นความคิดที่ตามมาด้วยกัน"