ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา กับ...บทบาทพระเอกขี่ม้าขาวในยุคนิวนอร์มอล

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ทว่าโรคก็ไม่เคยปราณีใครเหมือนกันเพราะมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่การเลือกชนชั้นวรรณะ จะว่าไปแล้วปี 2563 เป็นปีแห่งโรคภัยไข้เจ็บเสียจริง ๆ ทำเอาทั่วโลกระส่ำระสายเขย่าขวัญขนลุกขนชันไปทุกหย่อมหญ้า สร้างความเสียหายในทุก ๆ ด้านให้กับมวลมนุษยชาติทั้งความเป็นอยู่ ล้มตาย เจ็บปวดทรมาน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่

แต่...เห็นว่าช่วงนี้ก็มีข่าวดีหลังมีหลายประเทศได้ทดสอบฉีดวัคซีนโควิด-19 กับคนกันแล้ว และหลายประเทศก็ได้เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการรองรับ เก็บวัคซีนแล้วเช่นกัน หลายฝ่ายมองว่าโลกของเรากำลังจะรับข่าวดีในปีหน้า 2564 อย่างแน่นอน ประเทศไทยของเราเองแม้ว่าโควิด-19 จะหวนคืนโผล่มาระลอกใหม่แล้วก็ตาม แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าจะเอาอยู่ ด้วยความเข้มแข็งของทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังสู้ไปด้วยกัน

ว่าด้วยเรื่องเวชภัณฑ์ยาแล้วไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใดก็มีความจำเป็นกับชีวิตคนเราอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยุคนี้วิถีแห่งนิวนอร์มอล ใคร ๆ ก็หันมารักสุขภาพ และเป็นห่วงเป็นใยเรื่องโรคภัยไขเจ็บ จึงทำให้บทบาทของยา และเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ เข้ามามีความสำคัญยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกกับคนทั่วโลกเพราะสิ่งเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็เป็นมากกว่าปัจจัย 4 ก็ว่าได้ นับตั้งแต่เกิดจนถึงตาย

ตราบใดโรคระบาดยังไม่หายไปจากโลกนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็จะเดินหน้าคิดค้นพัฒนายา และเครื่องมือแพทย์ไปเรื่อย ๆ เพราะทุกวันนี้มีโรคใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย “สปริงนิวส์ออนไลน์” ได้มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ “ญาณิน พิศาลวาเลิศ” CEO บริษัทโปรฟาสซิโน จำกัด และบริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด ผู้นำธุรกิจค้าปลีก เวชภัณฑ์ยา อุปกรณ์การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ฟาสซิโน เล่าให้ฟังว่า วิถีแห่งนิวนอร์มอลทุกคนหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้นทั้งดูแลสุขภาพร่างกายด้วยอาหารเสริม และบำรุง ส่วนคนที่ป่วยไข้ไม่สบายก็มีความต้องการยามากขึ้น จะเห็นได้ว่าจากนี้ไป ยา และเครื่องมือทางการแพทย์ คือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพของมนุษย์เรา

ทั้งนี้การเข้าถึงยา และการบริการทางสาธารณสุขของแต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ดังนั้นคนที่จะต้องไปหาซื้อยา และเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้เองจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้มากเพราะหากซื้อผิด หรือใช้ไม่ถูกกับโรคนั่นหมายถึงชีวิตของเราเลย บางคนดื้อยา และแพ้ยา หรือกินไปเท่าไหร่เสียเงินฟรี ๆ แต่ไม่ได้ผล ซึ่งในส่วนของร้านขายยาเองก็ต้องมีเภสัชกรให้ครบทุกร้านในประเทศด้วยเพื่อสร้างเป็นมาตรฐานสากลเพื่อให้ความรู้แก่คนที่มาปรึกษาได้ถูกโรค ถูกอาการ ลดการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ รวมถึงการมีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่ดีมีความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากขึ้นในท่ามกลางโลกที่กำลังเผชิญกับโรคระบาดเช่นนี้

หากจะมองว่าธุรกิจธุรกิจเวชภัณฑ์ยา กับ...บทบาทพระเอกขี่ม้าขาวในยุคนิวนอร์มอล ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยก็ได้ว่าใช่ เพราะปีนี้ 2563 ธุรกิจนี้ก็เมีทิศทางติบโต และย้อนหลังกลับไปในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาก็เติบโตไปในทิศทางที่ดีเช่นกัน และเชื่อว่าในอนาคต 5 ปีต่อจากนี้ไปก็ยังจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย “ญาณิน” ยอมรับว่าจากโอกาสทางธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตจึงทำให้บริษัทได้เปิดเกมรุกหลายด้านเลย อย่างเช่นขยายสาขาให้คนไทยได้เข้าถึงร้านขายยาได้ง่ายขึ้น พร้อมจะยังคงชูจุดเด่นให้แบรนด์เป็นผู้นำในธุรกิจร้านขายยา ทำให้ทุกคนรู้จัก ”ฟาสซิโน” ร้านยาที่มีสินค้าครบครัน ในแบบ “One Stop Service & Best Delivery” ตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีที่สุด สินค้าครบจบที่ร้าน Fascino

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดร้านขายยาไม่เคยหยุดโต Fascino จึงไม่เคยหยุดนิ่งเพราะธุรกิจยาเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต และมีส่วนช่วยในการพัฒนารายได้ของประเทศ แต่ก็ยังมีรูปแบบเฉพาะตัว เพราะ “ยา” เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพและชีวิตของประชากรในประเทศ เพราะฉะนั้น ในอีก 10 ปีข้างหน้า การเติบโตของธุรกิจในภาพรวมตลาด ยังมีโอกาสโตไปได้ถึง 90,000-100,000 ล้านบาท  จากผลวิจัยพบว่าทางเลือกแรกของคนเจ็บป่วยไม่รุนแรง คือร้านขายยามีมากถึง 32% ขณะที่คนจะเลือกไปโรงพยาบาลเอกชน 25% และเลือกไปโรงพยาบาลรัฐเป็นตัวเลือกแรกเพียง 16% เท่านั้น

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของธุรกิจเวชภัณฑ์ยาที่มีแนวโน้มเติบโตในยุคนิวนอร์มอล และบริบทของโลกยุคแห่งโรคระบาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว และค่อยช่วยเหลือลูกค้าด้วยเช่นกัน