เคยสงสัยไหมว่า Metaverse จักรวาลโลกเสมือน จะทำธุรกิจ ได้อย่างไร ? SPRiNG จะชวนมาหาคำตอบกับโลกใบใหม่ ที่ลบข้อจำกัดอาชีพเดิม ๆ
สถาพน พัฒนะคูหา CEO of SmartContract Blockchain Studio กล่าวในงาน Creative Talk Conference 2022 หรือ CTC2022 ระบุว่า ส่วนตัวมองว่า Metaverse ผู้คนมักคิดว่าจะเป็นในรูปแบบของวิดีโอ หรือภาพกราฟิกต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วหากมองย้อนออกมามันมีส่วนที่เข้ามาประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ การผสมกลมกลืนกันระหว่างโลกเสมือนจริง , มีการผสมกลมกลืนกันระหว่างมิติ เช่น สองมิติ ในจอ แต่จริง ๆ แล้วมันก้าวข้ามมากกว่านั้น และ เกิดขึ้นเหมือนโลกของความจริง เช่น เราสะสมไอเทมนั้น ๆ ในเกมหนึ่ง มันจะไม่มีวันหายไป แม้เกมนั้นจะปิดตัวลง
สุดท้ายแม้โลกเสมือนจะก้าวไปไกลแค่ไหน แต่เราก็ต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งนั้น ๆ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้คนบนโลกเสมือนเชื่อใจกันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็กลายเป็นโอกาสใหม่ของธุรกิจในโลกเสมือน
ส่วนความต้องการสำหรับ Metaverse คือ เรื่องการทำให้ธุรกิจอัตโนมัติมากขึ้น การสร้างความปลอดภัยบนโลกเสมือน การทำกฎการอยู่ร่วมกัน ที่ทุกองค์กรต้องสร้างร่วมกัน ในโลกใบใหม่ใบนี้
โลกเสมือนอยู่กับเรามานานแล้ว
อัมพรสักก์ อังคทะวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด และ ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการแอนนิเวิร์ส (Aniverse) ระบุว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าโลกเสมือน อยู่กับเรามานานแล้ว แต่แค่เราไม่รู้ตัว ในโลกเสมือนแบบเดิม เราไม่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งของต่าง ๆ ในโลกเสมือนได้ เพราะเมื่อเจ้าของโลกปิดตัวลง ของที่เราลงทุนไปก็หายไป แต่โลกเสมือนแบบใหม่การใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนเข้าไป ทำให้ของเหล่านั้นที่ลงทุนไป ไม่หายไปพร้อมกับเจ้าของโลกที่ปิดไป เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าโลกควบคุม
โดยเริ่มช่วงปี 2546 กับเกมที่ชื่อว่า Second Life เกมที่ให้เราเข้าไปสร้างตัวละครในนั้นและใช้ชีวิตในเกมอย่างสนุกสนาน แล้วก็ตามมาด้วยเกม Roblox ที่เปิดให้ทุกคนสร้างโหมดต่าง ๆ ในเกมแล้วแบ่งปันในผู้เล่นด้วยกันเอง มีทั้งการทาตัวละครไปจนถึงซื้อไอเทมต่าง ๆ แต่บังเอินว่า 2 เกมที่พูดมามันเป็นโลกที่เมื่อเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ปิดไปของในเกมก็หายไปด้วย
ทีนี้มันก็ถูกพัฒนาต่อมาในช่วงปี 2561 มีการใช้บล็อคเชนเข้ามาสร้างมูลค่าให้กับโลกเสมือน จากเดิมของในโลกเสมือนจะมีมูลค่าได้ก็ต่อเมื่อเกมหรือสิ่งเหล่านั้นเป็นที่นิยม แต่ข้อจากัดคือของจะหายไปพร้อมกับเจ้าของเซิร์ฟ แต่พอเอาบล็อคเชนเข้ามา ต่อให้เซิร์ฟเวอร์ปิดไป ของที่เราเสียเงินซื้อก็จะยังคงอยู่กับเราบนโลกดิจิทัล เช่น ซื้อไอเทมเป็น NFT
การที่โลกสมัยใหม่เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นเจ้าของ เมื่อก่อนหากเราต้องการที่จะเชื่อมต่อกับผู้คนเราจะต้องไปตั้งเว็บไซต์หรือตั้ง Social media ซึ่งในโลกเสมือนนี้จะให้โอกาสผู้ใช้ได้เรียนรู้ประสบการณ์และสื่อสารได้มากขึ้น เช่น Decentraland กับ The Sandbox ใช้บล็อกเชนลงไปในแพลตฟอร์มเพื่อให้เกิดความเชื่อถือ และเชื่อมั่นว่ามันจะอยู่บนโลกเสมือนนั้นตลอดไป หรือแม้กระทั่งการเป็นเจ้าของ NFT ที่ทำให้เราเห็นว่าเสียเงินซื้อแล้ว มันจะไม่หายไป
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
Metaverse เริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี แต่สร้างต่อด้วยมนุษยธรรม
มารุต ชุ่มขุนทด CEO และ Founder ของ Class Café เจ้าของ “เวลาเวิร์ส” ระบุว่า โลกเสมือนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันเริ่มแทรกซึมไปในชีวิตประจำวันเรามากขึ้นจนเราไม่รู้ตัว เช่น เราแทบจะแยกจากมือถือไม่ได้แล้ว ถ้าออกจากบ้าน ปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ พร้อมแล้วที่จะผสานกันแบบไร้รอยต่อ วันนี้เราอยู่ในโลกเสมือนแล้ว เราทุกคนเชื่อมต่อกันได้ แค่แฮชแท็กบนโลกโซเชียล และคนกำลังก้าวเข้าสู่โลกเสมือนมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้จุดเริ่มต้นจะเริ่มด้วยเทคโนโลยีเหมือนกัน แต่ระหว่างทาง มีเรื่องต่าง ๆ ที่เราไม่รู้มากมาย มันเลยโยงไปสู่เรื่องของปรัชญาชีวิตด้วย เพราะเมื่อคนต้องเข้าไปอยู่บนโลกนานมากขึ้น ทำอย่างไรให้มันเหมาะสมกับทุกคน กลายเป็นว่า เรื่องที่ต้องโฟกัสไม่ใช่เทคโนโลยี แต่กลายเป็นเรื่องของชีวิตมากขึ้น
ขณะที่ในโลกเสมือนไม่มีกฎเกณฑ์ หรือ กฎหมาย แต่กลุ่มคนที่เข้ามาสู่โลกใหม่ คือ กลุ่มนักกฎหมาย ที่ปรับตัวเข้าสู่โลกใหม่ แน่หละว่าในโลกเสมือนไม่มีใครฟ้องใคร ดังนั้นกลุ่มนักกฎหมายเหล่านี้จึงเปลี่ยนโอกาสเป็น การยืนยันตัวตนให้ธุรกิจในโลกเสมือน
พอมันเป็นเรื่องใหม่ เรามีคนเก่ง ๆ ในโลกเทคโนโลยีจำนวนมาก วันนี้เราสามารถเป็นผู้นำของโลกได้ เพราะทุกคนเริ่มจากศูนย์เท่ากัน เราคิดอะไรออก เราทำเลย
โลกใบใหม่ วิธีคิด-เรียนรู้ต้องใหม่ด้วย
ดร.มัลลิกา สังข์สนิท รองอธิการบดีฝ่ายพันธกิจสัมพันธ์ นวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านความเป็นผู้ประกอบการ ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าโลกของเมตาเวิร์ซ เป็นโลกที่เรายังรู้จักน้อยอยู่ ซึ่งในโลกเสมือนเปิดโอกาสให้ทุกคนทำในทุก ๆ เรื่อง แต่ถามว่าเรารู้จักโลกนั้นดีมากพอหรือยัง ต้องทำตัวอย่างไร ต้องปฎิบัติตัวอย่างไร ? และโจทย์สำคัญคือ เราจะใช้ประโยชน์จากโลกเสมือนนี้ได้อย่างไร ? นอกจากนี้เราเองก็ยังไม่รู้ว่าภัยของมันมีมากน้อยแค่ไหน
ถ้าเรามองว่าโลกเสมือนเป็นโลกใหม่ เราต้องพัฒนาคนของเราให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ เมื่อก่อนเราเน้นเรียนลึก แต่ลึกแล้วใช้ไม่ได้บนโลกเสมือนแล้วจะยังไงต่อ ? ขณะที่ยุคต่อมาก็เปลี่ยนเป็นรู้ลึกแต่รู้กว้าง แต่พอโลกใหม่รู้กว้างแล้วจะรู้อะไร ? ดังนั้นการพัฒนาคนในสมัยใหม่ต้องเรียนแบบตัว H คือ รู้ลึกหนึ่งขา รู้เรื่องเทคโนโลยีหนึ่งขา และมีทักษะในการสื่อสาร , ความคิดสร้างสรรค์ในการเป็นคานเชื่อมระหว่างสองขา การเข้าใจมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญในโลกเสมือน