หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันยิ่งพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แต่มีอีกหนึ่งข้อที่คุณอาจช่วยคุณให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น หากคุณเข้าใจสถานีชาร์จและลักษณะวิธีการชาร์จ ว่าคุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มี 2 แบบ คือ AC และ DC สองระบบนี้แตกต่างกันอย่างไร ?
AC คือ ไฟฟ้ากระแสสลับ Wall Charger ที่ติดตามบ้าน
DC คือ ไฟฟ้ากระแสตรง สถานีชาร์จ
ที่ชาร์จ DC ต่างจากเครื่องชาร์จ AC ตรงที่มีตัวแปลงอยู่ภายในเครื่องชาร์จ ซึ่งหมายความว่าสามารถป้อนพลังงานให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ได้โดยตรงและไม่จำเป็นต้องใช้ที่ชาร์จในตัวเพื่อแปลง ที่ชาร์จ DC นั้นใหญ่กว่า เร็วกว่า
ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือ Wall Charger การทำงานคือ ไฟบ้านเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220V จะวิ่งผ่าน On-board Charger เพื่อแปลงไฟและเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ช้ากว่า
แต่หากคุณชาร์จกับสถานีชาร์จหรือการชาร์จแบบ DC เช่นในห้างสรรพสินค้า หรือตามปั้มน้ำมันต่างๆ จะเป็นการชาร์จตรงโดยไม่ผ่านการแปลงไฟ และเข้าสู่รถยนต์โดยตรง ซึ่งจะลดระยะเวลาในการชาร์จได้มากกว่าแบบ AC มาก
โดยสรุปง่ายๆว่า การชาร์จแบบ AC หรือการชาร์จจากที่บ้าน นั้นจะเหมาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดหรือ (PHEV) เนื่องจากไม่ได้ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งระบบ และสามารถจอดชาร์จทิ้งข้ามคืนไว้ที่บ้านได้ แน่นอนจะถูกกว่าการชาร์จจากเครื่อง DC แต่ข้อคำแนะนำคือหากเลือกได้ควรเลือกเครื่องชาร์จที่มีกระแสไฟ 32Amp 7.2Kw เพื่อรักษาแบตเตอรี่
การชาร์จแบบ DC นั้นเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ซึ่งจะให้ความรวดเร็วและตอบโจทย์มากกว่า เนื่องจากใช้ระยะเวลาไม่นานและชาร์จได้รวดเร็วกว่า
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า EV ก็ควรเลือกการชาร์จที่กระแสไฟ 32Amp 7.2Kw
หากคุณทราบความแตกต่างของการชาร์จไฟเรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถวางแผนการชาร์จไฟและหาจุดสถานีชาร์จได้ง่ายขึ้น