ทำไม Binance ตลาดซื้อ-ขายคริปโตชื่อดังระดับโลก มีคนขายบิคตอยน์มากเกิน จากเคยสูงสุด 2,600,000 เหลือแค่ 700,000 บาท ตัดสินใจปิดการซื้อ-ขาย บิคตอยน์ทันที
เรื่องวุ่น ๆ ของโลกคริปโทเคอเรซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล ที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ซื้อขายคริปโทฯ อันดับต้น ๆ ของโลก หยุดบริการถอนเหรียญบิตคอยน์ BTC ออกชั่วคราว กว่า 3 ชั่วโมง เพราะมีการทำธุรกรรมมากเกินไป
ก่อนที่เรื่องจะขยับไปไกล เรามาทำความเข้าใจตลาดคริปโทฯ กันก่อน ตัวเงินดิจิทัลต่าง ๆ ที่นำมาซื้อขายกัน เริ่มจากการสร้างความเชื่อมั้นให้ผู้คนด้วย เทคโนโลยบล็อคเชน คือ การที่ทุก ๆ คน เป็นผู้ถือข้อมูลและตรวจสอบกัน ดังนั้นหากจะมีใครสักคนต้องการเปลี่ยนข้อมูล ทุก ๆ คนต้องรับทราบ ดังนั้นจะมาแอบแก้แค่ ผมกับคุณไม่ได้ เพราะในโลกคริปโทฯ มีคอมเป็นล้าน ๆ เครื่องที่ถือข้อมูลนี้
ต่อมาคือการขายฝันที่แต่ละเหรียญจะนำไปพัฒนา เช่น ผมตั้งสกุลเงินดิจิทัลมา 1 สกุล ชื่อ ต๋าคอยน์ ใช้เทคดนโลยีบล็อคเชนมาเขียนโค๊ตสร้างความเชื่อมั่น แล้วขายฝันว่า ผมจะเอาเหรียญ ต๋าคอยน์ไปสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายรูป ถ้าคนสนใจมาก เหรียญก็จะราคาแพงขึ้น
ซึ่งความซับซ้อนของโลกคริปโทคือ ถ้าเรามีเหรียญ 1 บาท มันก็แยกเป้นเหรียญที่เล็กที่สุดคือ 25 สตางค์ แต่โลกคริปโท มันสามารถแยกเป็นทศนิยมเปฌนสิบ ๆ ตัวได้เลย
ตลาดคริปโทฯ เมื่อมันมีสัญญาณดิ่งลง ทุกคนก็จะเริ่มเทขาย ทำให้ตลาดดิ่งลงมากขึ้น กราฟเหรียญ BTC จึงดิ่งลงไปแตะราว 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เหรียญ BTC หรือประมาณ 7 แสนบาท จากราคาสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว 2.6 ล้านบาท ผู้คนจึงแห่ถอนเหรียญบิตคอนย์ออกมาเป็นเงินในดลกความจริงมากขึ้น ทำให้จำนวนธุรกรรมมากเกินกว่าที่ระบบของแพลตฟอรืมจะรับได้
ถ้าในโลกตลาดหุ้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Circit Break หรือปิดตลาดชั่วคราว ให้นักลงทุนตั้งสติแล้วกลับมาเทรดกันใหม่ แต่โลกคริปโทไม่มีใครคุม ไม่มีใครปิดตลาด มันขึ้นลงตลอดเวลา จึงทำให้ตลาดนี้มีความเสี่ยงสูง
โดยมูลค่าของตลาดสกุลเงินดิจิทัล ดิ่งลงจนมูลค่าหายไปกว่า 200,000 ล้านเอลลาร์หสรัฐ ท่ามกลางความกังวลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และสภาพเศรษฐกิจโลก
รายงานของ Bloomberg ระบุว่าผู้ใช้ที่มีเหรียญ Bitcoin ทั่งโลกมีอยู่ราว 55 ล้านคนทั่วโลก แต่ บัญชีที่มีมูลค่า Bitcoin สูงกว่า 10 ล้านเหรียญ (มากกว่า 300 ล้านบาท) = มีอยู่ 8 พันคน เท่านั้น