กสทช. เดินหน้าแก้กฎหมาย ออกประกาศสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลุยขึ้นทะเบียน “ซิมบ็อกซ์” ใครฝ่าฝืนโทษหนักจำคุกไม่เกิน 5 ปี
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด กสทช.ชุดใหญ่ ที่ประชุมมีมติให้นำร่างประกาศ กสทช. เรื่องเครื่องวิทยุคมนาคม และสถานีวิทยุคมนาคมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 (ฉบับที่ 3) ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ
โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ กำหนดให้ยกเลิกหลักเกณฑ์เดิมที่ยกเว้นให้ “เครื่องซิมบ็อกซ์” ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน / ไม่ต้องขออนุญาตให้ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้า
แต่หลังจากร่างประกาศ กสทช.ฉบับใหม่ผ่านการพิจารณา จะส่งผลให้ผู้ที่มีความประสงค์จะขอ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซิมบ็อกซ์ (SIM BOX) ที่รองรับจำนวนซิม (SIM) ตั้งแต่ 4 ซิมขึ้นไป จะต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช. ก่อน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบการเชื่อมต่อกับโครงข่ายโทรคมนาคมให้กับผู้ให้บริการ ซึ่งจะส่งผลเป็นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป
หากไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะเป็นความผิดตามมาตรา 6 วรรคสอง และมาตรา 11 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
เรื่องนี้ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. เร่งนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ แล้วนำเสนอ กสทช. อีกครั้งเพื่อให้มีผลบังคับใช้ให้เร็วที่สุด เพื่อปิดโอกาสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะนำซิมบ็อกซ์ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญไปใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน
หลังรัฐบาลมีมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด ปรากฏว่าสถิติการหลอกลวงประชาชนลดลงต่ำสุดในเดือน ก.พ.68 แต่ขณะนี้เริ่มขยับขึ้นเล็กน้อยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เพิ่งออกรายงานว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งสแกมเมอร์ อาชญากรรมเทคโนโลยี ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวชายแดนไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา ได้ย้ายฐานไปแอฟรกาและอเมริกาใต้ หลังถูกกวาดล้างอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง