SHORT CUT
AMD คาดอาจเสียหาย 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกฎคุมส่งออกชิป AI ไปจีน กระทบสินค้าคงคลังและสัญญาซื้อ ส่งผลหุ้นร่วงหนัก ลุ้นจับตาใบอนุญาตนำเข้าชิปสู่จีน
AMD ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทอาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากข้อจำกัดใหม่ของสหรัฐอเมริกาในการส่งออกชิปประมวลผลขั้นสูงไปยังประเทศจีนและประเทศอื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปรุ่น MI308 ที่มีความสำคัญต่อการประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC)
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทันที โดยราคาหุ้นของ AMD ปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาด้วยการปรับตัวลดลงกว่า 7% หลังจากที่ร่วงลงไปมากกว่า 5% ในระหว่างวัน
ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ AMD ระบุว่า ข้อกำหนดใหม่นี้ ซึ่งบังคับให้ต้องมีการขอใบอนุญาตสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์บางประเภท จะส่งผลกระทบต่อสินค้าคงคลัง, สัญญาผูกพันในการจัดซื้อ และการตั้งสำรองที่เกี่ยวข้องของบริษัท "
บริษัทคาดว่าจะยื่นขอใบอนุญาต แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับใบอนุญาต" AMD กล่าวในเอกสาร
AMD ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI
โดยบริษัทอ้างว่าชิปเร่งความเร็วซีรีส์ AMD Instinct MI300 มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภาระงาน AI และ HPC ที่มีความต้องการสูงสุด
ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท แม้ว่า AMD จะเพิ่งประกาศรายได้ "สูงสุดเป็นประวัติการณ์" ที่ 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 แต่ข้อจำกัดการส่งออกใหม่นี้อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตในอนาคต
สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ AMD เพียงรายเดียว โดย NVIDIA คู่แข่งสำคัญ ก็ได้เปิดเผยข้อมูลคล้ายกันเมื่อวันอังคาร โดยระบุว่าบริษัทอาจต้องตั้งค่าใช้จ่ายรายไตรมาสราว 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อจำกัดการส่งออกชิปรุ่น H20 ไปยังประเทศจีนเช่นกัน
ข้อมูลจากรายงานประจำปีของ NVIDIA ชี้ให้เห็นว่า จีนเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของบริษัท รองจากสหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์ และไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายมากกว่าครึ่งหนึ่งของ NVIDIA ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มาจากบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานและตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน
ข้อจำกัดใหม่ของสหรัฐฯ นี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น และความพยายามในการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ AI ทั่วโลก
ที่มา : CNBC