SHORT CUT
DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีน กำลังเร่งเปิดตัว "R2" โมเดล AI รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะมีความสามารถในการเขียนโค้ดและรองรับหลายภาษาได้ดีขึ้น
DeepSeek สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีการลงทุนมหาศาลทั้งจากภาครัฐและเอกชน การพัฒนาบุคลากร และการนำ AI ไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ อย่างกว้างขวาง
ความสำเร็จของ DeepSeek และการที่จีนเร่งพัฒนา AI ทำให้เกิดความกังวลในสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น และมาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติม การแข่งขันนี้จะมีผลกระทบต่อภูมิทัศน์เทคโนโลยีโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
DeepSeek สตาร์ทอัพ AI ดาวรุ่งจากจีน ประกาศเร่งเครื่องเปิดตัว "R2" โมเดล AI รุ่นใหม่ ตอกย้ำความก้าวหน้าและความทะเยอทะยานของจีนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก พร้อมท้าชนสหรัฐฯ ในสมรภูมิเทคโนโลยีที่กำลังร้อนระอุ
DeepSeek สตาร์ทอัพ AI ประเทศจีน กำลังสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการ AI ทั่วโลก ด้วยการประกาศเร่งพัฒนาและเปิดตัว "R2" โมเดล AI รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของ "R1"
การเร่งเปิดตัว DeepSeek R2 ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ระดับโลก และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังคู่แข่งสำคัญอย่าง 'สหรัฐอเมริกา'
R2 จะมีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ดีขึ้น และรองรับภาษาอื่นๆ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ซึ่งจะขยายขอบเขตการใช้งาน AI ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
DeepSeek เดิมวางแผนจะเปิดตัว R2 ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ได้เร่งไทม์ไลน์ให้เร็วขึ้น สะท้อนถึงความมั่นใจในเทคโนโลยีและความต้องการที่จะตอบสนองต่อตลาด
ปัจจุบัน รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน DeepSeek อย่างเต็มที่ โดยมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ 'ยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนา AI'
DeepSeek หวังว่า R2 จะเป็นโมเดล AI ที่สามารถแข่งขันกับโมเดลที่พัฒนาโดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้
DeepSeek ได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer บริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณชั้นนำของจีน ซึ่งไม่เพียงแต่มีเงินทุนสนับสนุน แต่ยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้าน AI ที่สั่งสมมานาน
Liang Wenfeng หลีกเลี่ยงวัฒนธรรมองค์กรแบบ "996" ที่กดดันของบริษัทเทคโนโลยีจีนทั่วไป แต่เน้นการทำงานแบบ "flat hierarchy" เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ Gen Z ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและพัฒนาโครงการสำคัญๆ
DeepSeek ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น Tsinghua University และ Peking University
DeepSeek ใช้เทคนิค MoE (Mixture-of-Experts) และ MLA (multihead latent attention) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการประมวลผลและเพิ่มประสิทธิภาพของโมเดล AI
DeepSeek เป็นมากกว่าสตาร์ทอัพ AI ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความทะเยอทะยานของจีนในการเป็น 'ผู้นำด้านเทคโนโลยี'
ชิป AI : สหรัฐฯ สั่งห้ามการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปยังประเทศจีน แต่ DeepSeek ได้สะสมชิป Nvidia A100 ไว้จำนวนมากก่อนที่จะมีการคว่ำบาตร ทำให้มีความได้เปรียบในการพัฒนา AI
ความเป็นผู้นำด้าน AI : สหรัฐฯ ตระหนักดีว่าความเป็นผู้นำด้าน AI เป็นวาระแห่งชาติ การเปิดตัว R2 ของ DeepSeek อาจกระตุ้นให้สหรัฐฯ เร่งพัฒนา AI ของตนเอง และอาจนำไปสู่มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติม
ความเป็นส่วนตัว : มีความกังวลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ทำให้บางประเทศ เช่น เกาหลีใต้และอิตาลี ถอด DeepSeek ออกจาก App Store, Play Store
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพที่แท้จริงของ R2 จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า DeepSeek จะสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้หรือไม่
DeepSeek ไม่ได้เป็นเพียงสตาร์ทอัพ AI แต่เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความทะเยอทะยานของจีนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
การเปิดตัว DeepSeek R2 และการแข่งขันกับสหรัฐฯ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม AI และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของโลกในระยะยาว
การติดตามความเคลื่อนไหวของ DeepSeek จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่สนใจในแวดวงเทคโนโลยีและ AI
ที่มา : REUTERS