SHORT CUT
OpenAI ประกาศปรับวิธีการฝึกอบรม ChatGPT ใหม่ เน้น "เสรีภาพทางปัญญา" อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังลดข้อจำกัดในการตอบคำถาม เพิ่มความหลากหลายของมุมมอง และลดประเด็นที่ AI หลีกเลี่ยง พร้อมเปิดทางสู่การใช้งานที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายการฝึกอบรมโมเดล AI
โดยมุ่งเน้นที่การส่งเสริม "เสรีภาพทางปัญญา" (intellectual freedom) ไม่ว่าหัวข้อนั้นจะมีความท้าทายหรือเป็นที่ถกเถียงในสังคมมากเพียงใด
การปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งนี้ จะส่งผลให้ ChatGPT มีความสามารถในการตอบคำถามที่กว้างขวางขึ้น นำเสนอมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น และลดจำนวนหัวข้อที่ AI หลีกเลี่ยงการสนทนาลงอย่างมีนัยสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ OpenAI ในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงในวงการเทคโนโลยีและแนวคิดเกี่ยวกับ "ความปลอดภัยของ AI" (AI safety) ที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
"Model Spec" ฉบับปรับปรุง ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุแนวทางการฝึกอบรมโมเดล AI ของบริษัท OpenAI ได้เปิดเผยหลักการใหม่ที่เน้นย้ำว่า AI จะต้อง "ไม่ให้ข้อมูลเท็จ" ทั้งจากการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือการจงใจละเว้นบริบทที่สำคัญ
OpenAI ยังระบุว่า บริษัทต้องการให้ ChatGPT แสดงจุดยืนที่เป็นกลาง (neutral) ในประเด็นต่างๆ แม้ว่าผู้ใช้บางส่วนอาจมองว่าประเด็นเหล่านั้นขัดต่อหลักศีลธรรม หรือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมก็ตาม
ซึ่งหมายความว่า ChatGPT จะต้องนำเสนอมุมมองที่หลากหลายในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียง เพื่อรักษาความเป็นกลางให้ได้มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ChatGPT อาจถูกคาดหวังให้แสดงความคิดเห็นที่สนับสนุนแนวคิด "Black Lives Matter" ในขณะเดียวกันก็ต้องนำเสนอมุมมองและบริบทที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวอย่างรอบด้าน
"หลักการนี้อาจก่อให้เกิดข้อถกเถียง เนื่องจากหมายความว่า AI อาจต้องวางตัวเป็นกลางในประเด็นที่บางคนมองว่าผิดศีลธรรมหรือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม" OpenAI ระบุในเอกสาร "อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ AI คือการช่วยเหลือมนุษยชาติ ไม่ใช่การชี้นำ"
อย่างไรก็ตาม OpenAI ยืนยันว่า การปรับนโยบายครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า ChatGPT จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ เลย AI จะยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ไม่เหมาะสม หรือให้ข้อมูลที่เข้าข่ายบิดเบือนความจริงอย่างชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการตอบสนองต่อข้อวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษนิยมที่มองว่า มาตรการป้องกันของ ChatGPT ที่ผ่านมา มีความเอนเอียงไปทางซ้าย
แต่โฆษกของ OpenAI ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยชี้แจงว่า การเปิดรับเสรีภาพทางปัญญา เป็นไปตาม "ความเชื่อดั้งเดิมของบริษัท ที่ต้องการให้ผู้ใช้มีอำนาจควบคุม (AI) มากขึ้น"
The damage done to the credibility of AI by ChatGPT engineers building in political bias is irreparable. pic.twitter.com/s5fdoa8xQ6
— 🐺 (@LeighWolf) February 1, 2023
ทั้งนี้ บุคคลใกล้ชิดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายคน เช่น David Sacks, Marc Andreessen และ Elon Musk ได้เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ OpenAI ว่ามีการ "เซ็นเซอร์" AI อย่างจงใจ
ด้าน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เคยยอมรับว่า ความเอนเอียงของ ChatGPT เป็น "ข้อบกพร่อง" ที่บริษัทกำลังดำเนินการแก้ไข แม้ว่าจะต้องใช้เวลา
การปรับนโยบายของ OpenAI ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนา AI ให้มีความสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความรับผิดชอบต่อสังคม
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อ ChatGPT เท่านั้น แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับ "ความปลอดภัยของ AI" ในวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของการพัฒนาและการใช้งาน AI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่ OpenAI กำลังดำเนินบิ๊กโปรเจกต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกาเท่าที่เคยมีมา คือ Stargate ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์
ความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ก็มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิต ChatGPT กำลังแข่งขันเพื่อโค่นล้ม Google Search ในฐานะแหล่งข้อมูลหลักบนอินเทอร์เน็ต
ที่มา : TechCrunch, OpenAI