SHORT CUT
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple กำลังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลทรัมป์ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่
สหภาพยุโรปได้ปรับ Apple เป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากข้อตกลงด้านภาษีในไอร์แลนด์ การประชุมครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณของการเจรจาและการแก้ไขข้อพิพาทที่ดำเนินมายาวนานนี้
ผลลัพธ์ของการหารือในครั้งนี้ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น กฎระเบียบและภาษีสำหรับภาคส่วนเทคโนโลยีทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้อาจส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนและส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัทต่างๆ เช่น Apple
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้รับประทานอาหารค่ำเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีคนใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รีสอร์ท Mar-a-Lago การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ขึ้น
ผู้นำธุรกิจต่างๆกำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Donald Trump ตั้งแต่ที่เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิปดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งล่าสุดในบรรดาการประชุมระหว่างผู้นำด้านเทคโนโลยีกับประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ OpenAI, Meta, Amazon ก็ได้เข้าพบกับ Donald Trump เช่นกัน
การติดต่อจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ ล่าสุด Meta และ Amazon ต่างก็บริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับกองทุนเปิดตัวประธานาธิบดีทรัมป์
Bank of America ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ ก็มีแผนที่จะบริจาคเงินให้กับคณะกรรมการเปิดตัวประธานาธิบดีทรัมป์เช่นกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับจำนวนเงิน โดยทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
การเข้าพบหารือระหว่าง Tim Cook และ Donald Trump ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะเนื่องจากข้อพิพาทด้านภาษีระหว่างแอปเปิลกับสหภาพยุโรปที่ยังคงดำเนินอยู่
ทรัมป์ยอมรับว่าได้หารือเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้กับคุก โดยแจ้งให้เขาทราบถึงค่าปรับ 15,000 ล้านดอลลาร์ที่สหภาพยุโรปกำหนด ตามด้วยค่าปรับเพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านดอลลาร์
ค่าปรับเหล่านี้เกิดจากข้อกล่าวหาที่ว่าไอร์แลนด์เสนอข้อตกลงด้านภาษีที่เอื้ออำนวยต่อแอปเปิลเพื่อดึงดูดบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่คณะกรรมาธิการยุโรปถือว่าผิดกฎหมายในปี 2016 การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่แอปเปิลแพ้การอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายในคดีภาษีของสหภาพยุโรป ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการเจรจาและหาข้อยุติ
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกำลังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับรัฐบาลทรัมป์คนใหม่ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในภูมิทัศน์ทางการเมืองของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
การประชุมครั้งนี้ได้หยิบยกคำถามเกี่ยวกับผลกระทบทางนโยบายที่อาจเกิดขึ้นต่อภาคส่วนเทคโนโลยีภายใต้การบริหารชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับกฎระเบียบและภาษี เหตุผลที่ต้องจับตามอง
ผู้สังเกตการณ์ต่างให้ความสนใจที่จะดูว่าการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาใดๆ ในกรณีภาษีของ Apple กับสหภาพยุโรปหรือไม่ และรัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่
ผลลัพธ์ของการมีส่วนร่วมของผู้นำด้านเทคโนโลยีเหล่านี้กับทรัมป์อาจกำหนดนโยบายด้านเทคโนโลยีในวงกว้างขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายด้าน เช่น ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และกฎระเบียบต่อต้านการผูกขาด
การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญหรือการแก้ไขปัญหาภาษีของสหภาพยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักลงทุนและอาจส่งผลต่อราคาหุ้นของ Apple
การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างภาคส่วนเทคโนโลยีและรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งอาจเป็นการสร้างเวทีสำหรับความร่วมมือและการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต