svasdssvasds

เทคโนโลยี 5.5G ปลดล็อกศักยภาพ Mobile AI ให้บริการอัจฉริยะมากขึ้น

เทคโนโลยี 5.5G ปลดล็อกศักยภาพ Mobile AI ให้บริการอัจฉริยะมากขึ้น

หัวเว่ยประกาศวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญในงาน Global MBB Forum 2024 ณ อิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยนายหยาง เฉาปิง กรรมการและประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอซีที ชี้ให้เห็นว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Mobile AI

SHORT CUT

  • หัวเว่ยประกาศวิสัยทัศน์ผ่านการพัฒนา 5.5G ที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในทศวรรษหน้า โดยร่วมมือกับพันธมิตรสร้างรากฐานเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
  • เกิด 2 เทรนด์สำคัญคือ Mobile going AI ที่พัฒนาบริการมือถือให้ฉลาดขึ้น และ AI going Mobile ที่เปิดโอกาสธุรกิจใหม่ผ่านยานยนต์และหุ่นยนต์อัจฉริยะ
  • เครือข่าย 5.5G จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม ICT ใน 3 ด้าน ได้แก่ ผู้ช่วย AI ส่วนตัว การเดินทางอัจฉริยะ และการสร้างตลาดหุ่นยนต์ AI มูลค่า 10,000 ล้านหน่วย

หัวเว่ยประกาศวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญในงาน Global MBB Forum 2024 ณ อิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยนายหยาง เฉาปิง กรรมการและประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอซีที ชี้ให้เห็นว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Mobile AI

2 เทรนด์สำคัญที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม โทรคมนาคมครั้งใหญ่ผ่านการพัฒนาของเทคโนโลยี 5.5G คือ Mobile going AI: บริการอินเทอร์เน็ตมือถือกำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบธุรกิจและบริการที่อัจฉริยะมากขึ้น และ AI going Mobile: การนำ AI มาสู่แพลตฟอร์มมือถือ เปิดโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ผ่านบริการใหม่ๆ เช่น ยานยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์

เทรนด์ Mobile AI มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม ICT 3 ด้าน

  1. ตัวแทน AI สำหรับบุคคล จะปรับโฉมบริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ให้เป็นไปในรูปแบบที่ทุกคนมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายตัวแทน AI จะต้องรองรับบริการแบบเรียลไทม์
  2. การขับเคลื่อนอัจฉริยะจะปรับโฉมการเดินทาง โดยทำให้ยานพาหนะกลายเป็นพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและอัจฉริยะ ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายยานยนต์อัจฉริยะจะต้องสามารถส่งข้อมูล (uplink) ที่มีความเร็วสูง
  3. ความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไปจะถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปลดล็อกผลิตภาพใหม่และสร้างตลาด AI-หุ่นยนต์ ที่มีมูลค่า 10,000 ล้านหน่วย ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายหุ่นยนต์ในอนาคตจะต้องมีความสามารถที่สูงขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ

หยาง เฉาปิง กรรมการและประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันไอซีทีของหัวเว่ย

จุดเด่นของเทคโนโลยี 5.5G 

นายหยาง อธิบายว่า เครือข่าย 5.5G มีความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อ รูปแบบประสบการณ์ และบริการที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นสำหรับการตอบสนองต่อความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดจากตัวแทน AI ยานยนต์อัจฉริยะ และความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไป ในขณะที่เครือข่ายเหล่านี้ส่งเสริมนวัตกรรมและการพัฒนาใน 5 ด้านสำคัญ

1. ประสบการณ์หลากหลาย

รองรับแบนด์วิดท์สูง เนื่องจากผู้ใช้งานมีความต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น จึงสามารถบูรณาการแถบคลื่นในย่านความถี่ต่ำกว่า 100 GHz ตามความต้องการ นอกจากนี้ เทคโนโลยี "0 Bit 0 Watt" ยังสามารถนำมาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม

2. การเพิ่มประสิทธิภาพ IoT

ลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านเทคโนโลยี RedCap และ Passive IoT รวมถึงความสามารถของเครือข่ายที่ได้รับการพัฒนา มีความสำคัญต่อการเสริมพลังให้กับอุปกรณ์และขยายการเชื่อมต่อ IoT ไปยังทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การสร้างรายได้จากประสบการณ์

สามารถจัดเตรียมพอร์ทัลที่เป็นเอกภาพซึ่งรองรับการรับประกันการให้บริการที่แตกต่างกันผ่านเครือข่ายและการสร้างรายได้งตามประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

4. การเข้าถึงบริการ Mobile AI ที่คุ้มค่า

ทำให้บริการอัจฉริยะหลากหลายสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ ได้ในราคาที่เหมาะสมและมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

5. โมเดลพื้นฐานด้านโทรคมนาคม

เพื่อให้เครือข่ายอิสระและมีประสิทธิภาพสูง ผ่านแนวคิด “0 Touch, 0 Wait, 0 Fault” ให้เครือข่ายอิสระในระดับสูงพร้อมด้วยความอัจฉริยะแบบเต็มสแต็ก (full-stack intelligence) ผ่านการให้บริการแอปพลิเคชันสองประเภท ได้แก่ ผู้ช่วยอัจฉริยะ (copilots) และตัวแทน (agents)

การประชุมระดับโลกเพื่อก้าวสู่อนาคตด้วย 5.5G

งาน Global Mobile Broadband Forum ครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด '5.5G สู่ยุค Mobile AI' จัดขึ้นโดยหัวเว่ยร่วมกับพันธมิตรอุตสาหกรรม โดยผู้ร่วมงานได้แลกเปลี่ยนความก้าวหน้าในวงการ พร้อมศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของ 5G เพื่อเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จในยุค 5.5G

related