SHORT CUT
OpenAI เลือกสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางในเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากคนสิงคโปร์ใช้ ChatGPT เยอะมาก แถมยังร่วมมือกับ AI Singapore เพื่อให้คนทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้นด้วย
OpenAI ประกาศแผนขยายธุรกิจระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดสำนักงานใหม่ในเมืองสำคัญหลายแห่ง ได้แก่ นิวยอร์ก ซีแอตเทิล ปารีส บรัสเซลส์ และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการเสริมทัพให้กับสำนักงานเดิมที่มีอยู่แล้วในซานฟรานซิสโก ลอนดอน ดับลิน และโตเกียว
We’re expanding 🌎
— OpenAI (@OpenAI) October 9, 2024
We’re opening offices in NYC, Seattle, Paris, Brussels, and Singapore, alongside our growing San Francisco, London, Dublin, and Tokyo offices.
Want to join us? https://t.co/e6ffA2pB7g pic.twitter.com/rNmbHZ5Gm6
การขยายตัวในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ระดมทุนได้กว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร และมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง โดย OpenAI ได้แต่งตั้ง Oliver Jay อดีตผู้บริหารจาก Asana และ Dropbox ให้ดูแลการดำเนินงานระหว่างประเทศและขับเคลื่อนการขยายธุรกิจจากสิงคโปร์
OpenAI เผยว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีแผนจะเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้ และกำลังเปิดรับสมัครวิศวกร ซึ่งถือเป็นสำนักงานแห่งที่สองในเอเชียต่อจากโตเกียวที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
"สิงคโปร์มีผู้ใช้งาน ChatGPT ต่อหัวสูงที่สุดในโลก และจำนวนผู้ใช้งานต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ต้นปี" OpenAI กล่าวในแถลงการณ์
นอกจากนี้ OpenAI ยังประกาศความร่วมมือกับ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติภายใต้การสนับสนุนของ National Research Foundation (NRF) เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า "สิงคโปร์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลและระบบนิเวศ AI ของสิงคโปร์ในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
แม้ OpenAI จะยังไม่มีแผนเปิดสำนักงานในประเทศไทยโดยตรง แต่การขยายตัวในสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ย่อมส่งผลดีต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน
ที่มา : techcrunch