SHORT CUT
อีริคสัน ประเทศไทย จับมือ depa เพื่อขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย 5GIX Studio ของอีริคสัน ในโครงการ Thailand Digital Valley ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนายูสเคส 5G ใหม่ๆ จากการร่วมมือกับพันธมิตรและผู้ให้บริการต่างๆ
Ericsson ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ได้ร่วมมือกับ depa (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) ร่วมมือกันเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย 5G โดยล่าสุดได้มีการเซ็น MOU มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลด้วย 5G
Ericsson จะเข้ามาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในไทย โดย Ericsson จะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 5G เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและการนำไปใช้ในประเทศไทย ซึ่งนี่ถือเป็นการร่วมมือกันพัฒนาสู่ "Thailand 4.0" ด้วย
โดยรวมแล้ว คาดการณ์ว่าความร่วมมือระหว่าง Ericsson และ depa นี้ จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศไทย โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในหลากหลายภาคส่วน เช่น การผลิต เกษตรกรรม และเมืองอัจฉริยะ
รายงาน Ericsson Mobility คาดการณ์ว่าภายในปี 2029 จำนวนผู้ใช้ 5G ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มสูงถึง 560 ล้านราย และผู้ใช้ 5G จะคิดเป็น 43% ของผู้ใช้มือถือทั้งหมดในภูมิภาค ภายในปี 2029
ปริมาณการใช้ Data ต่อสมาร์ทโฟนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 42 GB ต่อเดือน ภายในปี 2029 โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 17 GB ต่อเดือน เมื่อปี 2023
อีริคสันคือผู้นำ 5G ระดับโลก เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วถึง 162 เครือข่าย ใน 69 ประเทศทั่วโลก รายงานล่าสุดจาก Frost & Sullivan ยกย่องให้ อีริคสัน เป็นผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G
Ericsson ได้จัดตั้ง 5G Innovation and Experience Studio (5GIX Studio) ที่โครงการ Thailand Digital Valley ร่วมกับ depa ซึ่ง 5GIX Studio เป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรม 5G ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา ทดสอบ และรับรองยูสเคส 5G ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร
ภายใน 5GIX Studio จะมีทั้งการจัดแสดงโซลูชัน 5G ที่หลากหลาย เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เครื่องจักรการผลิตอัตโนมัติ กล้อง CCTV 360 องศา แบบสวมใส่
โดยเป้าหมายของ Ericsson ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครือข่าย 5G, ส่งเสริมนวัตกรรม 5G, ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล, พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
การที่อีริคสันเข้ามาพัฒนาเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทย จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ในหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ประเทศไทย ก้าวสู่ยุคดิจิทัล อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Smart City, อุตสาหกรรม 4.0, โรงงานอัจฉริยะ, ระบบขนส่งอัจฉริยะ หรืออื่นๆมากมายในอนาคต
ที่มา : Mercedes-Benz , Ericsson