SHORT CUT
ทำความรู้จัก การแข่งขันรถยนต์ ที่ชิงจ้าวความเร็ว ท้าทายมฤตยู ใช้รถยนต์โมเดลใกล้เคียง F1 แต่ที่น่าสนใจคือ คราวนี้ ไม่มีคนต้องมาเสี่ยงตาย แต่ใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ในการควบคุมรถ สาดโค้งอย่างไรก็ไม่ต้องกลัวตาย
สำหรับ กีฬาความเร็วที่เป็นยอดแห่งความเร็วทั้งปวง คงหนีไม่พ้น Formula 1 หรือ F1 อย่างที่คอกีฬาทราบๆกันดี โดยกีฬาชนิดนี้อยู่บนความเร็วที่ท้าทายกับมัจจุราช ทางตรงมีไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่เข้าโค้ง ความเร็วแบบผ่อนๆ ยังเกิน 100 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง
แน่นอนว่า นักขับรถ ย่อมชื่นชอบความเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตด้วย
และในเมื่อโลกนี้ การพัฒนา AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาไกลมากแล้ว , มันจึงได้บังเกิดไอเดีย ของทั้ง 2 อย่างมารวมกัน นั่นคือ F1 กับ การใช้ AI เป็นผู้ควบคุม
สำหรับ การแข่งขัน รถแข่งที่ไม่มีคนขับ แต่ใช้ AI ควบคุมนี้ ใช้ชื่อเรียกว่า A2RL หรือย่อมาจาก Abu Dhabi Autonomous Racing League โดยแข่งขันกันที่ อาบู ดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนี่ไม่ใช่การแข่งขันแบบทดลอง แต่เป็นการแข่งขันแบบจริงๆจังๆ มีเงินรางวัลรวมถึง 2.25 ล้านดอลลาร์
การแข่งขัน รถยนต์ ที่รูปทรงคล้ายกับ F1 แต่ใช้ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นผู้ควบคุมรถนั้น มีทีมจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมแข่งขัน จาก 8 ชาติ อาทิ สหรัฐฯ ,เยอรมนี , สวิตเซอร์แลนด์ ,จีน , UAE , ฮังการี , สิงคโปร์ และ อิตาลี
โดย ทุกทีมจะต้องใช้รถเหมือนกันคือ Dallara Super Formula ปี 2023 ซึ่งเป็นรถ F-1 มาตรฐานที่ทำความเร็วได้สูงสุด 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนตัวรถที่ไม่มีคนขับนั้น จะมีการติดตั้งกล้อง Sony จำนวน 7 ตัว ติดเซนเซอร์ ZF เรดาร์ 4 ตัวและ Seyond lidar 3 ตัว
ทั้งนี้ ต้องอธิบายคำว่า Lidar คือ Light Detection And Ranging System เป็นระบบตรวจจับแสงและวัดระยะ นิยมใช้ในวงการภูมิสารสนเทศศาสตร์ (Geoinformatics) ทั้งงานสำรวจ ทำแผนที่ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ มีจุดเด่นในเรื่องของความแม่นยำสูง
ขณะที่ ระบบไร้คนขับจะใช้ Nvidia GPU มาช่วยประมวลผล ซึ่งแต่ละทีม แต่ละประเทศ ต้องโชว์ทักษะการเขียนโค้ดและการฝึกสอน AI ในการขับขี่ รวมถึงการทำความเข้าใจการยึดเกาะถนน รู้อุณหภูมิยางรวมถึงการคาดเดาการวิ่งของคู่แข่งและการแซง
การแข่งขัน A2RL นั้นจะให้ 4 ทีมลงแข่งพร้อมกัน วิ่งทั้งหมด 8 รอบ จับเวลาหาทีมที่ดีที่สุด และทีมที่ชนะในสนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ เยอรมนี
การแข่งรถแข่งไร้คนขับ และใช้ AI ขับแทนครั้งนี้ มีผู้ชมในสนามกว่า 10,000 คน เรียกว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันความเร็วแบบไร้คนขับ ที่ดีเลย ในอนาคตนั้นจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก เราก็ต้องมารอดูการแข่งขันครั้งต่อๆไประบบจะทำได้ดีเท่านักแข่งมืออาชีพหรือไม่ แล้วจะมีสีสันอะไรจากเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อดึงดูดความสนใจได้บ้าง เพื่อให้เกิดการบอกต่อให้คนเข้ามาดูมากขึ้น
ที่มา : iotworldtoday a2rl.io
ข่าวที่เกี่ยวข้อง