SHORT CUT
เส้นทางของ BYD จากรับจ้างผลิตแบตเตอรี่มือถือ ก่อนปฏิวัติเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ "Blade Battery" ด้วยคุณสมบัติถูกกว่า จุไฟมากกว่า ปลอดภัยกว่า จึงแซง Tesla ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิต EV เบอร์ 1 ของโลก
ในสหรัฐ Tesla อาจเป็นผู้นำในการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในจีน ซึ่งเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Tesla ได้สูญเสียพื้นที่ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศที่กำลังสร้างรถยนต์ที่ดีกว่าในราคาที่ถูกกว่า โดยเฉพาะ BYD ที่กำลังรุกคืบไปทั่วโลก
ในปี 2021 อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla เคยหัวเราะเยาะผลิตภัณฑ์ของ BYD ในระหว่างการสัมภาษณ์กับ Bloomberg
“คุณเห็นรถของพวกเขาหรือยัง ผมว่ามันไม่สวยเลยนะ เทคโนโลยีก็ไม่ได้ดีอะไร และบริษัท BYD ก็ประสบปัญหาค่อนข้างหนักในบ้านของพวกเขาในจีน ผมคิดว่าจุดที่พวกเขาต้องสนใจและควรจะทำ คือเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ตายในประเทศจีน”
แต่ต่อมาในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 BYD ก็ได้คว่ำ Tesla จากตำแหน่งเป็นผู้ผลิต EV เบอร์หนึ่งของโลก โดยขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้มากกว่าคู่แข่งจากสหรัฐฯลงได้สำเร็จ ท่ามกลางการจับตามองของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังสั่นคลอนจากรถยนต์พลังงานสะอาดจากจีน ที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก
แม้ว่าปัจจุบัน BYD จะเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ แต่ธุรกิจของมีหลากหลาย ตั้งแต่แบตเตอรี่ไปจนถึงเหมืองแร่และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จ
เนื่องจากมีลักษณะการออกแบบที่พิเศษและความปลอดภัยที่สูง มีอายุการใช้งานยาวนานและ มีต้นทุนในการผลิตถูกกว่าประมาณ 30-40% ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
Blade Battery ของ BYD มีความปลอดภัยสูงในกรณีที่แบตเตอรี่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการออกแบบที่ดูคล้ายกับใบมีด ทำให้มีความบาง และรูปทรงที่ยาวกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ทำให้แบตเตอรี่มีพื้นผิวในการระบายความร้อนได้รวดเร็วกว่าเซลล์แบตเตอรี่แบบก้อนสี่เหลี่ยม
เมื่อเกิดเหตุลัดวงจรภายในเซลล์แบตเตอรี่จะไม่กระทบต่อเซลส์อื่นๆ ทำให้ไม่เกิดการลัดวงจรไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง อีกทั้ง Blade Battery ถูกออกแบบในลักษณะ cell-to-pack technology (CTP) โดยแต่ละเซลล์สามารถูกแพ็คได้โดยตรง โดยไม่ต้องแพ็คเซลล์ลงโมดูลก่อน ทำให้สามารถมีพื้นที่ในการเพิ่มจำนวนเซลล์แบตเตอรี่ได้มากขึ้น
อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นวัสดุเสริมโครงสร้างเพื่อความแข็งแกร่งให้กับตัวรถได้อีกด้วย จึงทำให้เป็นที่นิยมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก และ BYD ได้นำมาใช้กับ Han ซึ่งเป็นรถเก๋งสปอร์ตที่เปิดตัวในปี 2020 และรถรุ่นอื่นๆที่ผลิตมาหลังจากนั้น
ส่วนหนึ่งของความน่าดึงดูดใจของ BYD คือราคา โดยหลายรุ่นมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งอย่างมาก ปัจจุบัน BYD กำลังขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างจริงจัง โดยส่งออกรถยนต์มากกว่า 240,000 คันใน 70 ประเทศในปีที่แล้ว ได้ประกาศแผนการสร้างโรงงานในยุโรปในฮังการี และมีรายงานว่ากำลังเตรียมสร้างโรงงานในเม็กซิโก เพื่อเตรียมตัวสำหรับตลาดสหรัฐฯ โดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีจากข้อตกลงการค้าเสรี หลังรถยนต์จากจีน ถูกกีดกันอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐ
ที่มา