ไมโครซอฟท์จัดงาน AI Summit ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด Leading the era of AI ซึ่งได้โชว์ถึงศักยภาพของ Copilot ที่จะพัฒนาองค์กรและธุรกิจยุคใหม่ด้วยนวัตกรรม Copilot for Microsoft 365 และ Azure OpenAI Service
Microsoft Copilot คือการวิจัยและพัฒนา AI ของไมโครซอฟท์ ที่ต้องการช่วยเสริมประสิทธิภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความคล่องตัว เพื่อให้ทุกภารกิจสำเร็จได้อย่างราบรื่น เรามาทำความรู้จัก Copilot กันว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
ซึ่งภายในการบรรยาย AI Summit ในประเทศไทยได้มีการพูดถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กับภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีองค์กรชั้นนำในประเทศไทยได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ในการใช้ Copilot ด้วยไม่ว่าจะเป็น เอไอเอส ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ปตท.สผ. ที่ได้เข้าร่วมโปรแกรม Copilot for Microsoft 365 Early Access Program (EAP)
ขณะที่ Buzzebees, InnovestX และ PTT Global Chemical (GC) ก็นำบริการ Azure OpenAI Service มาสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อยอดบริการที่มีอยู่ด้วยพลังจาก AI
คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า
“AI นับเป็นจุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ เราจึงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนา AI ที่ผสมผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเราอย่างลงตัว มีบทบาทเป็น Copilot พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ใช้และองค์กรธุรกิจในทุกระดับให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น มากขึ้น เร็วขึ้น
และเสียงตอบรับจากองค์กรที่นำ Copilot เข้าไปใช้งานจริงก็นับเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีถึงศักยภาพและความพร้อมของ AI ทั้งใน ทั้งในสถานที่ทำงาน โฮมออฟฟิศ สถาบันการศึกษา ห้องปฏิบัติการวิจัย และโรงงานผลิตทั่วโลก”
จากการสำรวจความคิดเห็นและแนวทางการใช้งาน Copilot ของลูกค้าองค์กรใน 41 ประเทศทั่วโลก พบว่า
อ้างอิงจาก : Microsoft WorkLab
ซึ่งจากสถิติที่ว่ามานี้ Copilot ถือว่าเป็นบริการที่น่าสนใจและอาจนำมาปรับใช้ได้กับธุรกิจและองค์กรรวมถึงรัฐบาลไทยด้วย โดยก่อนหน้านี้ทางไมโครซอฟท์ได้มีการเซ็นสัญญา MOU ร่วมกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาให้สามารถก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลรวมถึงพัฒนาหน่วยงานรัฐต่างๆ ซึ่งรายละเอียดต่างๆยังคงต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ทั้งนี้ บริการ Copilot for Microsoft 365 ได้เปิดให้ลูกค้าองค์กรเริ่มใช้งานทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา โดยทำงานผสานกับแอปพลิเคชันที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและการทำงานของผู้คนนับล้านอย่าง Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ Teams พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถใหม่ๆ มากมาย โดยมีฟีเจอร์เด่น อาทิ
Copilot for Microsoft 365 ยังโดดเด่นด้วยระบบที่พัฒนามาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการกำกับดูแล รวมถึงด้านจริยธรรม ผ่านการร่วมเรียนรู้และสังเกตการณ์การใช้งานจริงกับลูกค้าองค์กรทั่วโลก รวมถึงองค์กรอย่าง Visa, General Motors, KPMG และ Lumen Technologies
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้แนะนำลูกค้าองค์กรในประเทศไทยให้รู้จักกับคุณสมบัติในด้านอื่นๆ อีกมากมายของ Copilot นับตั้งแต่ Microsoft Security Copilot ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ไปจนถึงการพัฒนา AI Copilot ที่ตอบโจทย์เฉพาะทางขององค์กรด้วย Azure OpenAI Service และ Copilot Studio
ไมโครซอฟท์ ยังมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนานโยบายระบบ Cloud First ในประเทศไทย ซึ่งมีแผนที่จะทำ Goverment Cloud Data Center เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงข้อมูลต่างๆของหน่วยรัฐได้ง่ายและสะดวกขึ้น , อีกทั้งการทำ E-Goverment ที่จะผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับกระทรวงดิจิทัล และยินดีแชร์ข้อมูลด้าน Cybersecurity เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานในประเทศไทยและยังแชร์กลับไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลกได้อีกด้วย
ปัจจุบัน ChatGPT-4 ได้พัฒนาภาษาไทยไปแล้วกว่า 71% ซึ่งถือว่าเทคโนโลยี AI สามารถฝึกและเรียนรู้ภาษาได้รวดเร็วมาก และยังมีอีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจ ซึ่งทางไมโครซอฟท์ยังได้เผยถึงความสามารถของ Copilot ที่จะสามารถช่วยพัฒนาสกิล รีสกิล พัฒนาบุคลากรในองค์กรต่างๆ ด้วยข้อมูลจากทั่วโลกได้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :