เทรนด์จ่ายเงิน "Retail CBDC" กำลังมา คนใช้-ร้านค้า เตรียมตัวให้พร้อม

การใช้จ่าย Retail CBDC ยังอยู่ในวงจำกัด ให้บริการได้เฉพาะธนาคารที่ได้รับอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมทดลองใช้ผ่านแอปพลิเคชั่น wallet CBDC โดยธนาคารที่ได้รับการคัดเลือก จะใช้ชื่อที่บ่งบอกว่าเป็นธนาคารของตนเอง เช่น

• ธนาคารไทยพาณิชย์ใช้ชื่อ “CBDC SCB Wallet”
• ธนาคารกรุงศรีอยุธยาใช้ชื่อ “CBDC Krungsri”

ซึ่งทั้งสองชื่อยังไม่ใช่ชื่อที่เป็นทางการ แต่เป็นชื่อที่เรียกในขั้นทดลอง

ทั้งนี้ Retail CBDC ย่อมาจาก Retail Central bank digital currency คือ เงินบาทที่เปลี่ยนรูปแบบจากธนบัตรมาเป็นรูปแบบดิจิทัลซึ่งออกโดยธนาคารกลาง

Retail CBDC จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. และนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบชำระเงินที่เข้าถึงง่าย มีความปลอดภัยสูง และสามารถรองรับการนำเทคโนโลยีใหม่มาต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เรียกได้ว่าเป็นระบบการชำระเงินรายย่อยที่เอื้อให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึง เชื่อมต่อ และต่อยอดพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ ๆ ได้ในอนาคต

ปัจจุบันมีบางประเทศที่ออกใช้แล้วคือ ประเทศในแถบหมู่เกาะแคริบเบียน บาฮามาส และไนจีเรีย

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• แบงก์ชาติ ชวนแข่งขันการประยุกต์ใช้สกุลเงินดิจิทัล ที่ออกโดยธนาคารกลาง
• การชำระเงินดิจิทัล นวัตกรรมพลิกโฉมการใช้จ่าย และสร้างโอกาสทางธุรกิจ
• นำร่องทดสอบสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชน Retail CBDC นวัตกรรมการเงินโลกอนาคต

แต่ละธนาคารเริ่มมีการทดลองใช้งาน Retail CBDC แล้ว เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดทดลองใช้งานตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานพระราม 3 และอยู่ระหว่างขยายการใช้งานไปยังสาขาเพลินจิต

โดยปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 2,000 คน และร้านค้าประมาณ 100 ร้านค้า ที่เข้าร่วมการทดสอบ

ขั้นตอนการใช้งานระบบแอป CBDC Krungsri

1. ผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชั่น เพื่อให้สามารถแปลงเงินบาทเป็น CBDC หรือเงินบาทดิจิทัลได้ โดย 1 บาท มีค่าเท่ากับ 1 CBDC
2. เข้าไปที่แอปพลิเคชั่นแล้ว แปลงเงินบาทจากบัญชีที่ผูกไว้เป็นเงินดิจิทัลในจำนวนที่ต้องการ
3. เลือกสแกนจ่าย จากนั้นสามารถสแกน QR Code ของร้านค้าได้ โดยจะเป็น QR Code สำหรับการใช้ Retail CBDC เท่านั้น
4. ในอนาคตอาจนำกระเป๋าเงิน CBDC เข้าไปรวมไว้แอปพลิเคชั่น KMA

แม้ว่าการใช้ Retail CBDC จะอาจมีความคล้ายกับการใช้จ่ายผ่านพร้อมเพย์ แต่การใช้ Retail CBDC มีประโยชน์ที่ต่างไปจากพร้อมเพย์

เช่น การให้สวัสดิการ ที่สามารถจำกัดการใช้งาน ว่าเงินดิจิทัลที่ได้ไป จะต้องใช้จ่ายในร้านที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเท่านั้น ไม่สามารถจ่ายกับร้านค้าอื่นๆ ได้

หรือลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ แล้วสถาบันการเงินอาจไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าสินเชื่อที่ลูกค้าได้รับไปได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่

แต่การใช้ Retail CBDC จะทำให้จำกัดการใช้งานได้ เช่น การขอสินเชื่อบ้านลูกค้าจะใช้ Retail CBDC ได้เฉพาะกับร้านที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เท่านั้น

ปัจจุบัน Retail CBDC ยังคงเป็น pilot to learn ไม่ใช่ pilot to launch ยังไม่ได้ใช้จริงในวงกว้าง ซึ่งกลุ่มผู้ทดสอบได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้น หากพบกรณีที่แอบอ้างเกี่ยวกับ Retail CBDC จึงไม่ควรเชื่อ