SHORT CUT
Meta ได้เปิดตัว Llama 4 โดย Mark Zuckerberg อ้างว่าเป็น AI พื้นฐานที่ทรงพลังที่สุดในโลก
Meta ปล่อย 2 รุ่นย่อย Llama 4 Scout และ Llama 4 Maverick ที่ใช้สถาปัตยกรรม Mixture-of-Experts (MoE) ซึ่งมีผลทดสอบเบื้องต้นเหนือกว่าคู่แข่งสำคัญหลายราย เช่น GPT-4o, Gemini 2.0 Flash และ DeepSeek v3 ในบางด้าน
Llama 4 ได้เริ่มทยอยอัปเดตเข้าสู่ Meta AI ในแอปต่างๆ เช่น WhatsApp, Messenger, Instagram และเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้สัมผัสประสบการณ์ AI ที่ล้ำหน้าขึ้น ถือเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในตลาด AI อย่างชัดเจน
Meta สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการปัญญาประดิษฐ์ ประกาศเปิดตัว Llama 4 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ล่าสุด Mark Zuckerberg เคลมพื้นฐานที่ทรงพลังที่สุดในโลกขณะนี้
Meta ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ตระกูลใหม่ล่าสุดในชื่อ Llama 4 อย่างเป็นทางการ
โดย Mark Zuckerberg, CEO ของ Meta ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า Llama 4 คือโมเดล AI พื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันในตลาด AI อย่างมีนัยสำคัญ และตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Meta ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ขั้นสูง
Llama 4 Scout : โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้งานจริง มีขนาดพารามิเตอร์พื้นฐาน 17 พันล้าน
แต่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Mixture-of-Experts (MoE) ที่มีโมเดลผู้เชี่ยวชาญ (Experts) 16 ตัว ทำให้มีพารามิเตอร์รวมเสมือนถึง 109 พันล้าน (109B) Meta อ้างว่า Scout เป็นโมเดล MoE ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในกลุ่มขนาดเดียวกัน
สามารถทำงานได้บนการ์ดจอ NVIDIA H100 เพียงตัวเดียว รองรับข้อมูลนำเข้า (Input Context) ได้มากถึง 10 ล้านโทเคน และมีผลทดสอบเหนือกว่าโมเดลคู่แข่งอย่าง Gemma 3, Gemini 2.0 Flash-Lite และ Mistral 3.1
Llama 4 Maverick : สำหรับรุ่นนี้ Meta วางตำแหน่งให้เป็นโมเดล MoE ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มีพารามิเตอร์พื้นฐาน 17 พันล้าน (17B) เช่นกัน แต่ขยายจำนวนโมเดลผู้เชี่ยวชาญเป็น 128 ตัว ทำให้มีพารามิเตอร์รวมเสมือนสูงถึง 400 พันล้าน
ผลการทดสอบภายในของ Meta ชี้ว่า Maverick มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอย่าง GPT-4o และ Gemini 2.0 Flash
นอกจากนี้ ยังมีความสามารถด้านการให้เหตุผล (Reasoning) และการเขียนโค้ด (Coding) ที่ดีกว่า DeepSeek V3 โดยใช้พารามิเตอร์ในการทำงานน้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่ง
Meta ยังได้เปิดเผยว่า ทั้ง Scout และ Maverick เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกดึงออกมาจากโมเดลขนาดมหึมาที่กำลังพัฒนาอยู่
นั่นคือ Llama 4 Behemoth ซึ่งมีขนาดพารามิเตอร์พื้นฐาน 288 พันล้าน และมีโมเดลผู้เชี่ยวชาญ 16 ตัว ทำให้มีพารามิเตอร์รวมมหาศาลถึง 2 ล้านล้าน
Meta ระบุว่า Behemoth คือโมเดลที่ทรงพลังที่สุด ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทดสอบด้าน STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์)
ซึ่งทำคะแนนได้ดีกว่า GPT-4.5, Claude Sonnet 3.7 และ Gemini 2.0 Pro อย่างไรก็ตาม Behemoth ยังอยู่ในขั้นตอนการฝึกฝนและยังไม่มีกำหนดเปิดตัวในขณะนี้
จุดเด่นสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือการที่ Meta ยังคงยึดมั่นในแนวทางโอเพนซอร์ส
โดย Llama 4 Scout และ Maverick เปิดให้นักพัฒนาและนักวิจัยสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานและพัฒนาต่อยอดได้ฟรี ผ่านทางเว็บไซต์ llama.com และแพลตฟอร์ม Hugging Face ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเร่งการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมในวงกว้าง
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Meta ได้เริ่มทยอยอัปเดตนำ Llama 4 เข้าไปเสริมประสิทธิภาพให้กับ Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ผนวกอยู่ในบริการต่างๆ ของบริษัท
ทั้ง WhatsApp, Messenger, Instagram Direct และผ่านทางเว็บไซต์ Meta AI โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์การโต้ตอบที่ชาญฉลาดและมีความสามารถสูงขึ้นได้
การเปิดตัว Llama 4 ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการอัปเดตผลิตภัณฑ์ แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืนและความทะเยอทะยานของ Meta ในการเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า Llama 4 จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันในตลาดได้อย่างไรในระยะยาว
ที่มา : Meta