JobsDB เผยจักรวาลเมตาเวิร์ส (Metaverse) ส่งผลค่านิยมและความสุขของคนทำงานเปลี่ยนแปลงไป “Work Life Balance” กลายเป็นธงในใจที่คนทำงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ความต้องการและเป้าหมายของคนทำงานก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ครั้งหนึ่งค่านิยมเรื่องการทุ่มเททำงาน หนักเอาเบาสู้ เป็นสิ่งที่ชาวออฟฟิศให้คุณค่าเป็นอันดับต้นๆ แต่พอเข้าสู่ยุคแห่งจักรวาลเมตาเวิร์ส (Metaverse) อย่างในปัจจุบัน ที่ทุกอย่างในชีวิตเราถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ค่านิยมและความสุขของคนทำงานเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งงานวิจัยและสำรวจความเห็นต่างๆ ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “Work Life Balance” กลายเป็นธงในใจที่คนทำงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ แทนที่ การให้งานเป็นทุกอย่างของชีวิต ดังนั้นองค์กรยุคใหม่จำต้องปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนทำงานมากขึ้น
ทั้งนี้นอกจากตัวงานที่น่าสนใจ ได้เงินเดือนเหมาะสมกับความสามารถแล้ว สวัสดิการยังเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจร่วมงานกับองค์กรของคุณ เพราะสวัสดิการไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงแค่สิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงวัฒนธรรมองค์กร ตัวตนของบริษัทคุณ รวมถึงทัศนคติของผู้บริหารที่มีต่อพนักงานอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• อินฟลูเอนเซอร์ เมื่ออยู่ในยุคเมตาเวิร์ส จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
• เปิดตัวแพลตฟอร์มสุดล้ำคอนเทนต์ข่าว บนโลกเมตาเวิร์ส “Meta News Station”
• บริษัทเทคโนโลยีในจีน ดึง เมตาเวิร์ส Metaverse ออกสู่โลกความเป็นจริง
JobsDB รวบรวม 7 สวัสดิการมาแรงในยุค 2022 ดังนี้
1. ระบบการทำงานแบบยืดหยุ่น
แม้จะไม่ใช่สวัสดิการโดยตรงแต่เป็นทางเลือกให้กับคนทำงานโดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ เทรนด์การทำงานแบบ Hybrid ลดวันเข้าออฟฟิศ หรือสลับวัน Work from home มาแรงแบบทะลุเพดาน เนื่องจากเทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตเราแทบจะทุกการขยับตัว
ดังนั้นไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ขอแค่มีอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ทุกอย่างยังสามารถดำเนินต่อไปได้เสมือนการทำงานในออฟฟิศ แถมประสิทธิภาพการทำงานอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันคนทำงานเองก็ได้เวลาชีวิตบางส่วนกลับคืนมา เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
2. สวัสดิการด้านสุขภาพ
การตรวจสุขภาพประจำปี ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตต่างๆ เป็นสิ่งที่องค์กรควรมีให้พนักงานเป็นสวัสดิการพื้นฐาน จริงอยู่ที่คนทำงานทั่วไปมีประกันสังคมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานรองรับอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหมือนการการันตีและให้ความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งกับคนทำงานว่า สิ่งที่พวกเขาทุ่มเททำงานให้กับองค์กรของคุณ หากวันใดวันหนึ่งล้มป่วยมา สุดท้ายแล้วยังได้รับการดูแลที่ดี
3. สวัสดิการที่ส่งเสริมงานอดิเรก
นอกเหนือจากในแง่การทำงานแล้ว การสนับสนุนความสุขของพนักงานในด้านอื่น ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ซื้อใจคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าใจของคนทำงานเป็นสุข ได้รับการเติมเต็มที่ดี ย่อมส่งผลถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจจะให้งบสำหรับการทำกิจกรรม เพื่อเสริมศักยภาพในด้านต่าง ๆ เช่น ซื้อหนังสือ คอร์สเรียนภาษา คอร์สออกกำลังกาย สปา ค่าตัดแว่นตา ฯลฯ
4. สวัสดิการด้านวันลาที่ยืดหยุ่น
เข้าใจว่าตามกฎหมายแรงงานให้วันหยุดพักผ่อนประจำปี ขั้นต่ำอยู่ที่ปีละ 6 วัน แต่ในความเป็นจริงของปุถุชนทั่วไป เราไม่ได้สวมหมวกเป็นแค่พนักงานออฟฟิศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เรายังเป็นลูก เป็นภรรยา เป็นพ่อ เป็นแฟน เป็นโลกทั้งใบของสัตว์เลี้ยง ยังมีอีกหลายสิ่งที่คนทำงานต้องแบกภาระไว้บ่นบ่า วันลาพื้นฐานดังกล่าวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
จะเห็นได้ว่าบางบริษัทเริ่มให้สิทธิ์ลาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น อย่างการเพิ่มวันลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรทั้งฝั่งพ่อและแม่ การลาเพื่อผ่าตัดแปลงเพศของกลุ่มเพศทางเลือก ลาเพื่อไปดูแลบุพการี ฯลฯ โดยทั้งหมดนั้นยังคงได้เงินเดือนตามปกติ
5. สวัสดิการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต
สุขภาพทางกายเป็นสิ่งสำคัญฉันใด สุขภาพทางใจก็เป็นสิ่งสำคัญฉันนั้น ด้วยสภาวะหลายอย่างในปัจจุบัน ซึ่งบีบคั้นให้คนต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่มีปัญหาทางจิตใจมากขึ้น “โรคซึมเศร้า” เป็นหนึ่งในโรคที่พบมากในวัยทำงาน ดังนั้น การมีสวัสดิการให้พูดคุยกับจิตแพทย์ได้เมื่อรู้สึกไม่สบายใจ เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าจะเรียกคะแนนจากคนรุ่นใหม่ได้ดี
6. สวัสดิการที่ตอบโจทย์เรื่องไลฟ์สไตล์
ข้อสามเป็นเรื่องของที่ตอบโจทย์งานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มศักยภาพการทำงานแล้ว ข้อนี้เป็นสวัสดิการที่เน้นเรื่องไลฟ์สไตล์ แบบไม่ต้องเชื่อมโยงอะไรกับงาน เน้นความรู้สึกและหัวใจแต่ละบุคคลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น โค้ดส่วนลดที่พัก ร้านอาหารจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ โค้ดส่วนลดสั่งอาหารออนไลน์ ค่าแอปพลิเคชันดูซีรีส์รายเดือน ฯลฯ สิ่งเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ จะกลายเป็นเหมือนหยดน้ำชโลมใจคนทำงานได้ดีทีเดียว
7. สวัสดิการที่ครอบคลุมถึงครอบครัวคนทำงาน
ดูแลคนทำงานทั้งกายและใจให้เข้มแข็งไปแล้ว ข้อสุดท้ายเป็นสวัสดิการที่ดูแลไปถึง “หัวใจ” ของมนุษย์ออฟฟิศอีกขั้น นั่นก็คือครอบครัว ทั้งนี้การดูแลที่ว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยที่แสดงถึงน้ำใจขององค์กรคุณที่มีต่อพนักงานได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเรื่องเบิกค่าฉีดวัคซีนป้องกัน Covid19 หรือวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับคนในครอบครัว รวมถึงหยุดพิเศษได้ในวันเกิดลูก/พ่อ/แม่ เป็นต้น
อย่าลืมว่าครอบครัวคือรากฐานสำคัญของคนในทุกๆ สังคม ถ้าคนในครอบครัวมีความสุข พนักงานของคุณก็จะพลอยแฮปปี้ไปด้วย
ที่มา : jobsdb.com