svasdssvasds

7 เทรนด์ PropTech ที่จะเปลี่ยนอนาคตของการเลือกซื้อบ้านภายในปี 2025

7 เทรนด์ PropTech ที่จะเปลี่ยนอนาคตของการเลือกซื้อบ้านภายในปี 2025

PropTech (Property Technology) หรือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในต่างประเทศ แต่ละเทคโนโลยีจะตอบสนองการใช้ชีวิตในยุคต่อไปอย่างไร ชวนคนไทย สตาร์ทอัพไทย มาดูเพื่อรู้ ดูเพื่อพัฒนาต่อยอด อาจเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อตัวคุณเอง

ยุคที่โลกรวน เกิดโรคระบาดใหญ่ อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม มนุษย์จึงต้องสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นมาช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้น และที่จะตามมาเมื่อได้รับความสะดวกสบายคือ มันจะเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะเปลี่ยนแปลงชุดความคิดและการกระทำของเราไปอย่างสิ้นเชิง

ยกตัวอย่าง FinTech เทคโนโลยีเกี่ยวกับการบริการทางการเงินที่ชาวเราเปิดรับมากขึ้นเพราะโควิด-19 ทำให้เราต้องเว้นระยะห่าง EdTech เทคโนโลยีเกี่ยวกับการเรียนการสอน ที่นักเรียนและครูเปิดรับมากขึ้น เนื่องจากถูกบังคับทางอ้อมให้ต้องเปลี่ยนไปเรียนผ่านทางออนไลน์ รวมถึง PropTech ที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การซื้อบ้าน!

7 เทรนด์ PropTech ที่จะเปลี่ยนอนาคตของการเลือกซื้อบ้านภายในปี 2025

7 เทรนด์ PropTech ที่จะพลิกวิธีซื้อบ้านภายในปี 2025

  • 1 จะมีคนจำนวนมากขอดูบ้านผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง
  • 2 จะมีการใช้ ‘ลายเซ็นดิจิทัล’ จนเป็นวิถีปกติ
  • 3  อุตสาหกรรมอสังหาฯ จะมีบทบาทต่อแพลตฟอร์มโฆษณาและการมองเห็นของเรามากขึ้น
  • 4 ‘การจัดการสินทรัพย์ให้เช่าและระบบอัตโนมัติ’ จะเข้ามาดิสรัปต์การจัดการอสังหาฯ​ แบบเดิม
  • 5 ผู้คนจะสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ‘บางส่วน’
  • 6 ‘บ้านอัจฉริยะ’ จะเป็นบรรทัดฐานของบ้านที่คนต้องการ
  • 7 จะได้เห็นการเติบโตของ 'iBuyers' กลุ่มคนที่ซื้อบ้านเป็นและขายบ้านได้เร็ว

Source : matterport.com/blog

มาดูกันว่าเทรนด์ PropTech แต่ละข้อนั้นเปลี่ยนแนวทางการซื้อบ้านไปอย่างไร

  • 1 จะมีคนจำนวนมากขอดูบ้านผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง

เช่น แบรนด์ Zillow ที่ดีไซน์พื้นที่แบบอินเตอร์แอ็คทีฟ เปิดให้ทัวร์รอบบ้านแบบสามมิติผ่านอุปกรณ์ VR หรือสมาร์ทโฟน และเพิ่ม AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยตอบคำถามเรื่องบ้าน หรือ Matterport สตาร์ทอัพที่นำ 3D Imagery มาใช้ถ่ายภาพพื้นที่เพื่อสแกนดูว่า สถานที่แห่งนั้นมีพื้นที่เท่าไหร่ ด้วยเทคโนโลยี AI และ Smart Measurement และยังใช้งานได้ทั่วโลกเพราะสะดวกด้วยการแคปเจอร์ภาพ แล้วแพลตฟอร์มก็ใช้ทั้งซอฟต์แวร์เครื่อง แอปในมือถือ และกล้องเพื่อแสดงให้เห็นว่า อสังหาริมทรัพย์อยู่ในทุกมิติ

  • 2 จะมีการใช้ ‘ลายเซ็นดิจิทัล’ จนเป็นบรรทัดฐานใหม่

เชื่อไหม…มีเอกสารเกือบ 1.3 พันล้านฉบับที่ใช้ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ลายเซ็นดิจิทัล และได้รับการรับรองในสหรัฐอเมริกาแล้ว! และการใช้งาน ลายเซ็นดิจิทัล ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้จะดิสรัปต์การลงชื่อหรือเซ็นชื่อโดยตัวบุคคล แล้วส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผู้ให้บริการด้านลายเซ็นดิจิทัลที่จะเติบโตอีกเยอะมาก เช่น HelloSign บริษัทสตาร์ทอัพที่ให้บริการด้านลายเซ็นดิจิทัลที่ Dropbox เข้าซื้อกิจการไปแล้ว

หากดูมูลค่าตลาดลายเซ็นดิจิทัลทั่วโลก คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2027 จะเติบโตเฉลี่ย 26.3% ต่อปี โดยในปี 2025 คาดว่าตลาดนี้จะมีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ และในปี 2030 คาดว่ามูลค่าตลาดจะแตะหลัก 24 ล้านดอลลาร์ โดยสองเหตุผลหลักที่จะทำให้ธุรกิจลายเซ็นดิจิทัลโตอย่างมากคือ แพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่น และ ปลอดภัย 

Source : HelloSign

  • 3 อุตสาหกรรมอสังหาฯ จะมีบทบาทต่อแพลตฟอร์มโฆษณาและการมองเห็นของเรามากขึ้น

ในภาพรวม การโฆษณาของอสังหาริมทรัพย์เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงถึง 30 พันล้านดอลลาร์ แต่การที่แพลตฟอร์มโฆษณาเข้ามาดิสรัปต์พื้นที่โฆษณาของธุรกิจอสังหาฯ หรือกินพื้นที่โฆษณาของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์เสียเอง ผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์อาจหาโซลูชันที่ช่วยกำหนดโฆษณาได้เอง หรืออาจใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กแสดงโฆษณาให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงหรืออยู่ในพื้นที่เดียวกันได้เห็น เช่น Nextdoor แพลตฟอร์มที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างนายหน้าในพื้นที่กับเจ้าของบ้านที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

  • 4 ‘การจัดการสินทรัพย์ให้เช่าและระบบอัตโนมัติ’ จะเข้ามาดิสรัปต์การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอยู่

การจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลายจะสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของเจ้าของทรัพย์สินได้แบบเรียลไทม์ โดยจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดช่องว่าง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ตลอดจนสร้างผลกำไร เช่น Knock CRM แพลตฟอร์มอัตโนมัติที่มีเครื่องมือและแนวทางสนับสนุนที่จำเป็นในการเติมเต็มช่องว่างทางเทคโนโลยี ที่ยังช่วยบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในปี 2021

  • 5 ผู้คนจะสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 'บางส่วน’

โลกของการลงทุนโดย ‘นักลงทุนรายย่อย’ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และแนวโน้มนี้จะไปไกลกว่าแค่ตลาดหุ้น ตลาดเงินดิจิทัล แต่จะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย

เนื่องจากการเริ่มต้นซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก นักลงทุนจึงกระตือรือร้นที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับคนอื่นๆ ผู้ประกอบธุรกิจ Proptech ก็จะให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาฯ บางส่วน และเปิดรับการระดมทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนร่วมกันอีกทางหนึ่ง

  • 6 ‘บ้านอัจฉริยะ’ จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่คนต้องการ

การเปลี่ยนบ้านให้เป็น บ้านอัจฉริยะ ถือเป็นอีกวิธีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้อสังหาฯ และจากผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า 62% ของผู้เช่า ที่เป็น Gen Z จะพิจารณาบ้านที่ให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยี มากกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเดิมๆ อย่างฟิตเนส ลานจอดรถ

เช่น Ecobee ผู้ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติภายในบ้านโดยจะติดตั้งเทอร์โมสแตท กล้อง และเซ็นเซอร์ เพื่อติดตามความปลอดภัยและทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานได้อย่างอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี IoT

  • 7. จะได้เห็นการเติบโตของกลุ่ม iBuyers

iBuyers คือ คนที่นิยมการซื้อมาขายไป เช่น ซื้อบ้านมาแล้วขายต่อ และใช้ระบบอัตโนมัติช่วยให้สิ่งที่ซื้อมาสามารถขายออกได้อย่างรวดเร็ว แต่การจะเป็น iBuyer ได้ต้องพึ่งพาข้อมูลมหาศาลและมองออกว่าศักยภาพของบ้านหลังนั้นๆ ขายได้ แม้ไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง และ iBuyers จะได้รับความสนใจจากเจ้าของบ้านมากขึ้น โดย 71% ของผู้ที่ต้องการขายบ้านระบุว่า พวกเขาจะพิจารณาให้ iBuyers ช่วยขายบ้านให้

ในช่วงการระบาดใหญ่ บทบาทของ iBuyers ลดลงอย่างมาก แต่เมื่อไทยกลับมาเปิดประเทศ ยอด iBuyers ก็กลับมาเช่นกัน แม้แต่ CEO ของ Knock CRM เองยังเชื่อว่า ครึ่งหนึ่งของยอดขายบ้านทั้งหมดจะถูกกว้านซื้อโดย iBuyers ภายใน 10 ปีข้างหน้า

..............................................................................................

ที่มา 

related