'HackBKK' เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็น 'เมืองนวัตกรรม' มีไอเดียไหนเข้ารอบบ้าง?

หลังจากที่ สมาคม Thai Startup และ กรุงเทพมหานคร จัดเวทีนำเสนอ 9 ผลงาน โดย 6 ผลงานมาจาก Startup Track หรือ การคัดเลือกทีมสตาร์ทอัพจาก 65 ราย มาร่วมค้นหา solution กับตัวแทนจากสำนักงานภายใต้สังกัด กทม. และ 3 ผลงานจาก Public Track ที่ได้รับคะแนนโหวตจากการแข่งขัน Hackathon ภายใต้โครงการ "HackBKK เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองนวัตกรรม" ในฐานะที่เราใช้ชีวิตในเมือง มาดูกันดีกว่า ไอเดียไหนที่เข้าตากรรมการและเราน่าจะได้ใช้หรือได้ประโยชน์จากงานนี้

6 ผลงานจาก Startup Track

• 1. iTAX - การเข้าถึงสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในกรุงเทพ (เศรษฐกิจดี) 

ทีม iTAX เสนอแนวคิด BKKredit สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย เช่น หาบเร่แผงลอย โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ภายใต้แนวความคิด เป็นคนดี ที่หาเงินมาคืนได้ กระบวนการประเมินเครดิตจะดำเนินการโดยอาศัยเพียงข้อมูลที่มีอยู่แล้วของกรุงเทพมหานคร คือ ข้อมูลทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ได้รับการรับรองจากตัวแทนผู้ค้าและเจ้าหน้าที่เทศกิจ ถึงความประพฤติดีของผู้ค้าแผงลอยที่ขอสินเชื่อ

ในด้านการประเมินและบริหารความเสี่ยงของการให้สินเชื่อจะใช้เทคโนโลยีการจัดทำบัญชีธนาคารและจัดการภาษีอัตโนมัติโดย iTAX bnk ซึ่งโซลูชันนี้จะเป็นทางเลือกเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ผู้ค้ารายย่อย และร่วมลดปัญหาหนี้นอกระบบ

• 2. Vulcan Coalition - การสร้างโอกาสทางอาชีพสำหรับกลุ่มคนพิการ (บริการจัดการดี)

ทีม Vulcan Coalition เสนอแนวคิด Bangkok Care Live Chat Agent ร่วมกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ในสำนักงานเขตต่างๆ ภายในพื้นที่ กทม. โดยคนพิการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อให้บริการเป็น Live Chat Agent จะทำหน้าที่ตอบคำถามและรับเรื่องร้องเรียนซึ่งได้รับผ่านช่องทางที่หลากหลาย พร้อมทั้งช่วยจัดประเภทข้อมูลและสถานะเรื่องร้องเรียนให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น

โดย Vulcan Academy จะเป็นผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนพิการสามารถทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในของ กทม. ได้ และด้วยโซลูชันนี้จะทำให้หน่วยงานของ กทม. จ้างงานบุคคลกลุ่มนี้ได้มากขึ้น และช่วยให้การให้ข้อมูลกับประชาชนมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ภายใต้กรอบเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองนวัตกรรมที่คนพิการมีส่วนร่วมได้

• 3. Zipevent - ระบบจองพื้นที่สร้างสรรค์ทั้งกรุงเทพฯ (สร้างสรรค์ดี)

ทีม Zipevent เสนอแนวคิด Public Space Platform ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ในการสร้าง "แพลตฟอร์มรวบรวมพื้นที่สร้างสรรค์กรุงเทพฯ" ช่วยให้ประชาชนที่ต้องการจัดงานในสถานที่ Public Space ของกรุงเทพมหานคร สามารถจองพื้นที่กว่า 500 สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นหอศิลป์, สวนสาธารณะหลัก, สนามกีฬา, ศูนย์เยาวชน, พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ

ด้วยเทคโนโลยีแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Zipevent เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และลดกระบวนการทำงานภายในของเจ้าหน้าที่ กทม. ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการอนุมัติใช้งาน เพื่อเป้าหมายในการสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองแห่งเทศกาลสร้างสรรค์ที่เกิดจากอีเวนต์โดยประชาชนเพื่อประชาชน

• 4. กรุงเทพ-เกาเหลาเป็ด-เวชการ - การจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดต่อฉุกเฉิน (สุขภาพดี)

ทีม กรุงเทพ-เกาเหลาเป็ด-เวชการ เสนอแนวคิด BKK Med for All ภายใต้หลักคิด อยู่กรุงเทพฯ รักษาได้ไม่ต้องใช้เส้น โดยจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดจากระบบสาธารณสุข ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างมากในช่วงโควิด-19 และมีแค่กลุ่มคนเพียงบางกลุ่มที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มคนที่มีความต้องการจริงๆ กลับไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขได้โดยตรง

ดังนั้น Bangkok Medical for All จึงออกแบบมาเพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถรับบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้เงื่อนไขของระเบียบภาครัฐ และผู้ที่อาศัยในกรุงเทพมหานครทุกคนที่ต้องการเข้าถึงการรักษาพยาบาลสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดการจัดการแบบ citizen-centric และ open innovation

แนวคิดนี้จะช่วยติดอาวุธให้กับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข และสามารถเปิดให้มี trusted nodes จากกลุ่มชุมชนที่หลากหลาย เข้ามาช่วยทำหน้าที่คัดกรอง ด้วยกลไกยืดหยุ่นและตอบสนองแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินของกรุงเทพฯ ได้หลายระดับ

• 5. Horganice - ฐานข้อมูลที่อยู่อาศัยในราคาที่เข้าถึงได้ (โครงสร้างดี)

ทีม Horganice เสนอแนวคิด Housing Stock for First-Jobber ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดทำฐานข้อมูลห้องพักในราคาที่เหมาะสมกับรายได้ของ First-Jobber ที่มีมากกว่า 400,000 คน ด้วยเป้าหมายให้มีที่อยู่อาศัย และมีเงินเก็บภายใน 5 ปีของการทำงาน ผ่านแนวทางการทำงานดังนี้

1. Rentini ซึ่งใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มของ Horganice เป็นตัวกลางในการจับคู่หอพักและ First-Jobber ได้หลากหลายตามความต้องการของแต่ละบุคคล และด้วยโครงสร้างการทำงานของ Rentini จะช่วยลดราคาค่าห้องพักได้ประมาณ 10% ด้วยการนำรายได้ในส่วนของ commission ที่เก็บจากหอพัก มาอุดหนุนในส่วนค่าห้องให้ถูกลงและมีอัตราคงที่ตลอด 5 ปี

2. จัดตั้งกองทุนอยู่ดีมีออม เพื่อให้ First-Jobber หักเงิน 20% จากฐานเงินเดือนในทุกเดือน และด้วยกลไกการทำงานของกองทุนดังกล่าว เงินเดือนที่หักไว้จะถูกจัดสรรเพื่อจ่ายค่าห้องพัก และเก็บออม โดยบริษัทนายจ้างร่วมสมทบเงินทุนในกองทุนเท่ากับหรือมากกว่ายอดออมสุทธิ 5 ปี โดยแบ่งจ่ายเป็นอัตราขั้นบันไดตลอด 60 เดือน (5 ปี)

ด้วยแนวคิดนี้ จะช่วยให้ First-Jobber ซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษาจบใหม่เข้าถึงแหล่งที่อยู่ในราคาที่เข้าถึงได้ และยังมีเงินออมภายใน 5 ปีอีกด้วย

• 6. Baania - ฐานข้อมูลชุมชนและที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ (โครงสร้างดี)

ทีม บาเนีย (ประเทศไทย) Government Big Data Institute และกรุงเทพมหานคร เสนอแนวคิด Open Data for Better Bangkok เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Big data โดยผนวกฐานข้อมูลและเทคโนโลยีที่ทั้งสามหน่วยงานมีในด้านอสังหาริมทรัพย์ และข้อมูลที่กรุงเทพฯ มีอยู่ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานสะท้อนศักยภาพของแต่ละเขตพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทั้งในด้านการเดินทาง การเข้าถึงร้านค้าหรือบริการอื่นๆ สำหรับต่อยอดในการวางแผนการพัฒนาพื้นที่รายเขตให้สอดคล้องกับดัชนีความอยู่สบาย อยู่ปลอดภัยของชุมชน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่หรือจัดทำผังเมือง เพื่อลดความแออัดของพื้นที่เมือง ตลอดจนการออกแบบพื้นที่เพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพของแต่ละพื้นที่โซนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับประชาชนทุกวัยและทุกเพศสภาพ

3 ผลงานจาก Public Track

• 1. Dr.ASA : นัดหมายแพทย์ทางออนไลน์ง่าย รวดเร็ว

ทีมงาน Dr.ASA ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคลากรทางการแพทย์ เสนอแนวคิด “เราอาสามาเป็นหมอในบ้านคุณ” เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานด้านสาธารณสุข ภายใต้สโลแกน อยู่กับหมอก่อนที่จะป่วย ดีกว่าป่วยแล้วค่อยไปหาหมอ โดยทีมงานได้พัฒนาแอปพลิเคชันทางการแพทย์ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและทําให้ทุกคนเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ด้วยปลายนิ้ว ผ่านกลไก 3C คือ 

• Community เติมโอกาสด้วยเครือข่ายหมอและบริการทางการแพทย์ เพื่อทําให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและตอบโจทย์สุขภาพได้มากขึ้น 
• Communication เพิ่มเติมความรู้ด้านสุขภาพ และป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้น 
• Coach เติมเวลาด้วยการให้บริการ AI scan เปรียบเสมือนหมอประจําตัวผู้ใช้บริการที่จะช่วยดูแลสุขภาพของคุณตลอด 24 ชั่วโมง 

โมเดลข้างต้นนี้จะช่วยลดภาระการทํางานของหมอและการมาโรงพยาบาลโดยไม่จําเป็น และจะช่วยให้การบริการสาธารณสุขเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคนตามสโลแกน Dr.Asa, Doctor for People

• 2. ViaBus : การเดินทาง วางแผนได้

ทีมงาน ViaBus นำเสนอแนวคิด ViaBus แอปขนส่งโดยสารเรียลไทม์ โดยพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางในการนำเสนอข้อมูลระหว่างผู้โดยสารและผู้ประกอบการรถสาธารณะ

สำหรับให้ผู้โดยสารติดตามและวางแผนการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบันเปิดให้ใช้บริการผ่านรถโดยสารแล้ว ด้วยกลไกการติดตามรถได้แบบ Real-time (ด้วยระบบ GPS) การเรียกดูข้อมูลสายรถ ป้ายรถเมล์ หรือจะค้นหาวิธีเดินทาง แจ้งเหตุแนะนำติชมได้

ในด้านแผนขยายการให้บริการจะครอบคลุมการขนส่งโดยสารในรูปแบบอื่นเพิ่มเติม ทั้งรถ ราง เรือ เพื่อให้ผู้โดยสารในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่เกือบ 3 ล้านคนสามารถเข้าถึงข้อมูลการเดินทางต่างๆ ได้ง่ายขึ้น สามารถตัดสินใจเลือกการเดินทาง รวมถึงบริหารเวลาและวางแผนการการเดินทางได้ดีขึ้น ไม่ต้องรออย่างไร้ความหวังอีกต่อไป

• 3. หวังเมืองดี : การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานระดับเขต

ทีมงาน หวังเมืองดี นำเสนอแนวคิด เขตประชุมชน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้สภาประชาคมเขตมีความเป็นดิจิทัล เข้าถึงคนได้ง่ายและมากที่สุด เพื่อเป็นการโอบรับผู้คนในเขตต่างๆ ของ กทม. โดยมีกลไกหลักเชื่อมโยงชาวกรุงเทพฯ ที่เป็นตัวแทนประชาชนผู้อาศัยในย่านนั้น กลุ่มประชาสังคมในพื้นที่ ให้สามารถเสนอวาระในสภาประชาคมขึ้น และแบ่งปันเพื่อรับการสนับสนุนจากบุคคลทั่วไป หรือกลุ่มชุมชนต่างๆ ในเขตเพื่อเสนอเรื่องไปยังผู้บริหารเขต และยังสามารถตรวจสอบติดตามความคืบหน้าของวาระต่างๆ ได้อย่างโปร่งใส

ขณะเดียวกันด้วยแพลตฟอร์มนี้ ผู้อำนวยการเขตก็จะได้รับทราบวาระที่เกิดขึ้น พิจารณารับเรื่อง รายงานหรือติดตามความคืบหน้าของวาระต่างๆ ได้ ด้วยแนวความคิดนี้จะช่วยสร้างกลไกการสื่อสารระหว่าง คนกทม. และผู้บริหารเขต เพื่อสร้างโมเดลการออกแบบนโยบายภายใต้กรอบ People-centred design approaches และเพื่อให้ผู้อำนวยการเขตปฏิบัติต่อประชาชนแบบ หันหลังให้ผู้ว่า และหันหน้าให้ประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ทีม SPRiNG News ขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่เข้ารอบมา ณ ที่นี้