รถยนต์อัตโนมัติมีกี่ระดับ - แบบไหนทำถึงบ้าง จนถึงขึ้นไม่ต้องมีคนขับก็ได้ ?
ทุกวันนี้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ถูกพัฒนาไปไกลกว่าที่คิด ปี 2024 ได้เห็นรถยนต์หลากหลายรุ่นออกมา และคนในประเทศต่าง ๆ เริ่มใช้งานมากขึ้น ดังนั้น เราขอชวนมาทำความรู้จักกับ รถยนต์อัตโนมัติมีกี่ระดับ - เลเวลถยนต์ประเภทนี้อะไรบ้าง ?
SHORT CUT
รถยนต์อัตโนมัติ มีกี่เลเวล แบบไหนทำถึงบ้าง ซึ่ง จากการแบ่งระดับเลเวลของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ สามารถแบ่งได้ดังนี้ Level 0 : รถยนต์ทั่วไป
Level 1 : เอาเท้าออกได้ - มีเซนเซอร์เข้ามาช่วยควบคุมรถ แต่ยังคงเป็นเพียงตัวช่วยที่คนขับต้องบังคับด้วยตัวเองทั้งหมด , Level 2 เอามือออกได้ - มีเซนเซอร์ควบคุมทิศทางความเร็วรถได้ ผู้ขับคอยควบคุม สังเกต Level 3 ไม่ต้องมอง - เพิ่มความสามารถในการสังเกตสถานการณ์ ประกอบการควบคุมทิศทางและความเร็ว
Level 4 ขับไปปล่อยใจได้ เพิ่มความสามารถในการสังเกตการตอบสนองผู้ขับขี่ หยุดได้อย่างปลอดภัย ใช้งานได้ทั้งบนทางด่วนที่จำกัดปัจจัยแวดล้อม และ Level 5 ขับเองอย่างสมบูรณ์ Full Automation เป็นระดับที่สามารถทำได้ทุกอย่าง
ทุกวันนี้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ถูกพัฒนาไปไกลกว่าที่คิด ปี 2024 ได้เห็นรถยนต์หลากหลายรุ่นออกมา และคนในประเทศต่าง ๆ เริ่มใช้งานมากขึ้น ดังนั้น เราขอชวนมาทำความรู้จักกับ รถยนต์อัตโนมัติมีกี่ระดับ - เลเวลถยนต์ประเภทนี้อะไรบ้าง ?
แวดวงของยานยนต์และรถยนต์ต่างๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แล้วยิ่งในยุคของ AI เข้ามามีบทบาทมายิ่งขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้ ถือว่า ยานยนต์ต่างๆพัฒนาไปไกลมากๆ
ตอนนี้ โลกเรามีถึงขึ้น รถยนต์ไร้คนขับ ไปแล้ว โดย ยานยนต์ไร้คนขับ ถือเป็นเทคโนโลยีที่รถยนต์สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ด้วยตัวเองโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง แน่นอนว่า ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งและคมนาคมที่สำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตามเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถยนต์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ว่าไปถึงไหนแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าขีดจำกัดสูงสุดของเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นแบบใด หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนดมาตรฐานสำหรับนวัตกรรมนี้ ? และมันสามารถแบ่งเป็นได้กี่ระดับกันแน่ SPRiNG tech จะพามาหาคำตอบกัน
สำหรับระดับขั้น หรือเลเวลที่หลาย ๆ แหล่งพูดถึง และคุ้นเคย จะอ้างอิงจาก สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ หรือ SAE International (Society of Automotive Engineers) ได้กำหนดการจัดระดับมาตรฐานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของยานพาหนะเรียกว่า SAE Automation Levels หรือ “SAE J3016” ไล่ตั้งแต่เลเวล 0 ถึงเลเวล 5 ยิ่งเวลเวลสูงระบบในรถยนต์จะทำหน้าที่แทนคนขับมากขึ้น
ระดับเลเวลของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
The society of automotive engineering (SAE) หรือ คณะกรรมการวิศวกรรมยานยนต์ได้แบ่งการขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็น 6 ระดับ ดังนี้
ระดับ 0 No Automation ในระดับนี้ หมายถึง รถยนต์ทั่วไปที่เราเห็นกันบนท้องถนน โดยเป็นระบบที่ใช้ในการบังคับและควบคุมด้วยมนุษย์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบคันเร่ง เหยียบเบรก ดั่งเช่น รถยนต์สมัยก่อนที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำในการขับขี่
ระดับ 1 Driver Assistance : ผู้ช่วยในการขับเคลื่อน เป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นผู้ช่วยในการขับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเข็มบอกความเร็วว่า ขับที่ความเร็วเท่าไหร่ ตลอดจนควบคุมความเร็วของตัวยานพาหนะ
ระดับ 2 Partial Automation ระบบอัตโนมัติบางส่วน จะเป็นการควบคุมระบบอัตโนมัติในการบังคับพวงมาลัยและความเร่ง โดยที่มนุษย์นั้นสั่งการจากระบบหน้าจอเป็นบางครั้ง
ระดับ 3 Conditional Automation ระบบอัตโนมัติสามารถขับเคลื่อนไปได้ในระยะไกล - ในจุดนี้ระบบอัตโนมัติจะมีความสามารถในการตรวจจับสิ่งแวดล้อม และสามารถบังคับควบคุมยานพาหนะนั้นได้ในระยะทางที่ไกลเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าระดับ 2
ระดับ 4 High Automation ระบบอัตโนมัติระดับสูง - ยานพาหนะนั้นจะสามารถบังคับขับเคลื่อนและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใต้สภาวะที่เกิดขึ้นใน ณ ขณะที่ยานหานะเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นหลบหลีกสิ่งกีดขวาง มีรถเลี้ยวออกมาจากซอย อีกทั้งเตือนถึงความเร็วที่มากจนเกินไปในขณะขับขี่ โดยที่มนุษย์นั้นมีส่วนในการบังคับควบคุมนั้นน้อยมากๆ หรือแทบจะไม่ต้องบังคับเลย
ระดับ 5 Full Automation ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ยานพาหนะสามารถเคลื่อนที่ไปตามท้องถนนและวิเคราะห์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ในแต่ละเงื่อนไขด้วยตัวเองในระหว่างยานพาหนะเคลื่อนที่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพามนุษย์
ณ ปัจจุบัน การขับเคลื่อนอัตโนมัติในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังอยู่ระดับ 1 เท่านั้น โดยที่มีอุปกรณ์ติดตั้งเสริมที่เรียกว่า การขับเคลื่อนผู้ช่วย หรือ Driver Assistance ซึ่งจะมีรายละเอียดอุปกรณ์ และเซนเซอร์ที่นิยมนำมาใช้กันในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก
ทั้งนี้ รถยนต์ไร้คนขับ รวมถึงเทคโนโลยี รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆของโลก เกิดขึ้นเสมอ อีกทั้ง รถยนต์ไร้คนขับ สามารถช่วยลดอุบัติเหตุ ที่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ได้ ดังนั้นรถยนต์ไร้คนขับ เป็นตัวเลือกในการเดินทางสำหรับคนที่ไม่สามารถขับรถได้ รวมถึงการลดระยะเวลาในการเดินทาง
โดยสรุป เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน (Disruptive Technology) ต่อการคมนาคมและอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง อัตราการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐของแต่ละประเทศ
ที่มา : depa.or.th carmagazine
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
