SHORT CUT
XPENG และ Volkswagen Group ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรม E/E Architecture (EEA) ซึ่งจะทำให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ถูกพัฒนาขึ้นแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งเรามาดูกันว่าน่าสนใจแค่ไหน
Volkswagen Group เครือยักษ์ใหญ่จากฝั่งยุโรปได้ร่วมมือกับ XPENG บริษัทผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ขณะนี้ได้ประกาศการร่วมมือกันอย่างเป็นทางการเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม EEA หรือย่อมาจาก Electrical/Electronic (“E/E Architecture”)
สถาปัตยกรรม E/E (EEA) คือเทคโนโลยีด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ทำให้ระบบอัจฉริยะต่างๆ เช่น ADAS, Connectivity OS ถูกแยกออกมาพัฒนาอีกที ซึ่งได้นำบอร์ดประมวลผลมารวมกันเป็นบอร์ดเดียว (ONE BOX ONE BOARD) เพื่อแข่งขันในตลาดทั่วโลก
สถาปัตยกรรม E/E หรือ EEA ยังพร้อมรองรับการส่งข้อมูลความเร็วสูง Gigabit Ethernet ระหว่างโดเมนกลางและตัวควบคุมโดเมน ทำให้ระบบ ADAS จะมีหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์จํานวนมากเข้าควบคุมโดเมน
ซึ่งการร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่าง XPENG และ Volkswagen ยังสามารถนําทั้งสองบริษัทไปสู่สถาปัตยกรรมแบบบูรณาการสูงและร่วมถึงช่วยพัฒนาโครงสร้างต้นทุนเพื่อแข่งขันในตลาดได้เช่นกัน และสถาปัตยกรรมนี้จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถอัปเดตแบบ OTA ได้ทั้งหมดแม้จะเป็นล็อตเก่าหรือล็อตใหม่ก็ตาม
การร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่าง XPENG และ Volkswagen Group จะเป็นการร่วมกันพัฒนาระหว่างสถาปัตยกรรม E/E เข้ากับ China Main Platform (CMP) คาดว่าจะถูกนำไปติดตั้งให้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Volkswagen ที่ผลิตในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
เห็นได้ชัดว่านี่คือตัวอย่างการร่วมมือระหว่างบริษัทยุโรปและจีนร่วมมือกันพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถ EV อย่างเต็มรูปแบบ และยังต้องการลดต้นทุนให้เหมาะสมกับตลาด ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์รถทั่วโลกที่เข้ามาจับมือกับจีน เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันสูงมากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
อนาคตการใช้แพลตฟอร์มการผลิตร่วมกันจะกลายเป็นเรื่องปกติ โดยขณะนี้ได้มีหลายแบรนด์เช่น Volvo ก็ได้มีการร่วมพัฒนากับ Geely ค่ายจีน ซึ่งล่าสุดก็ได้ลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่าค่ายรถยนต์ทั่วโลกเริ่มหันมาร่วมมือกับจีนเพื่อให้การพัฒนารวดเร็วขึ้นนั่นเอง
ที่มา : XPENG