SHORT CUT
รถยนต์ไฟฟ้า ถือได้ว่าเป็นกระแสฮิตสำหรับทั่วโลก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งการพัฒนารถ,แบตเตอรี่ รวมถึงสถานีชาร์จต่างๆที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ตลาดรถ EV ในไทยเติบโตขึ้น
รถ EV ในไทยปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์รถ EV ค่ายจีนที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ด้วยที่ถูกกว่าคู่แข่งหลากหลายเจ้า ผลมาจากมาตรการรัฐฯต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลดภาษีนำเข้า, มาตรการ EV 3.5 ที่ทำให้ตลาดรถ EV จีนในไทยตอนนี้เติบโตสูงและได้รับความสนใจจากคนไทยเป็นอย่างดี
แม้แบรนด์รถ EV จีนจะได้รับกระแสที่ดีในด้านราคา แต่ก็ต้องได้รับแรงกดดันในหลายๆด้านทำให้ต้องพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, ระบบอัจฉริยะ, เทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆภายในรถ ให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้และเอาชนะคู่แข่งแบรนด์อื่นๆรวมถึงแบรนด์จีนด้วยกันเอง
ปัจจุบันคนเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากการใช้งานจริงเป็นหลัก คนไทยส่วนใหญ่กังวลเรื่องศูนย์บริการ การซ่อม อะไหล่ส่วนควบของแบรนด์นั้นๆ และยังมีความกังวลเรื่องระยะเวลาการซ่อมรถ EV ที่มากกว่ารถยนต์ทั่วไป ทำให้แบรนด์จีนส่วนใหญ่จึงหันมาทำการตลาดด้วยโปรโมชั่นต่างๆ เช่น การรับประกันตัวรถ, การรับประกันแบตเตอรี่ บริการหลังการขายอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดในเรื่องของ "แบตเตอรี่" รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนๆ ก็มักใช้จากบริษัทจีนไม่ว่าจะเป็น CATL, BYD ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ EV เป็นอันดับ 1 และ อันดับ 2 ของโลก
และหากพูดถึงในด้านประสิทธิภาพแบตเตอรี่ EV ในปัจจุบัน ก็ถือว่าอยู่ในช่วงของการพัฒนา ส่วนที่ถูกนำออกมาใช้งานได้จริงและออกมาจำหน่ายก็มีสเปคไม่ต่างกันมาก ซึ่งระยะทางหรือการรองรับการชาร์จเร็วก็มักขึ้นอยู่กับเรทราคารถ
ทำให้ตลาดรถ EV ในปัจจุบัน มักต้องมาแข่งขันกันในด้านเทคโนโลยี, ความสะดวกสบายภายในรถ, การใช้งานจริง รวมถึงดีไซน์ความสวยงามต่างๆ ส่วนเรื่องระยะเวลาในการรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ก็ต้องทำให้ผู้ใช้สามารถไว้วางใจได้ด้วย
ย้อนกลับมาในงาน Motor Show 2024 เราได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาเปิดโชว์ตัวจริงในงานหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น XPeng หรือ Zeekr ที่มีดีลเลอร์ใหญ่เป็นการร่วมทุนระหว่าง MGC-ASIA และ ARUN PLUS โดยมี ปตท. ถือหุ้น 100% นี่ก็ถือเป็นอีกสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดรถ EV ในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
เราเห็นได้ชัดว่ามีค่ายจีนเข้ามาทำการตลาด รวมถึงมีการลงทุนมากมายไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาตั้งโรงงาน เข้าร่วมโครงการ EV 3.5, การลดภาษีนำเข้าต่างๆที่เอื้อให้กับแบรนด์รถ EV จีน ทำให้งานมอเตอร์โชว์ปีนี้เหมือนจะมีรถ EV จีนเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้
ถ้าพูดกันในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีรถ EV จีนในปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีทั้งการผลิต ยกตัวอย่างเช่น XPeng ที่มีการลงทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม SEPA ซึ่งทำให้รถจีนได้คุณภาพ และได้การยอมรับด้านความปลอดภัย, การพัฒนาระบบอัจฉริยะต่างๆที่ทำให้รถจีนดูล้ำสมัยและบางรุ่นล้ำหน้าไปกว่าค่ายญี่ปุ่นหรือยุโรปด้วยซ้ำไป
ย้อนกลับมามองแบรนด์ค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง Honda และ Toyota ในปีนี้ก็ได้มีการนำรถต้นแบบหรือ Concept Car มาโชว์ตัวในงาน Motor Show 2024 ครั้งนี้เช่นกัน
โดยทาง Toyota ได้นำ Hilux BEV มาให้เห็นตัวจริง ซึ่งถึงแม้จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก ยังคงมีดีไซน์ไม่ต่างจากเดิม ในฝั่ง Honda ก็นำ Honda e:NS1 รถยนต์ไฟฟ้าที่จะมาปล่อยให้บริษัทเช่าในราคา 29,000 ต่อเดือน ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าในปีนี้ รถ EV จีนจะกวาดยอดขายและยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในงานไปแบบขาดลอย
เชื่อว่าในปัจจุบันทาง Toyota และ Honda ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองอย่างเต็มที่ และเชื่อว่ามีการวางแผนที่จะไม่ต่อสู้ในสงครามราคาของรถ EV ซึ่งในปัจจุบันประเทศจีนถือเป็นแหล่งผลิตแบตเตอรี่ที่ทำต้นทุนได้ต่ำที่สุดของโลก หากแบรนด์ญี่ปุ่นจะมาแข่งขันราคากับแบรนด์จีนคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ญี่ปุ่นยังไม่ออกรถมาจำหน่ายในขณะนี้ แต่ก็มีโอกาสสูงเช่นกันว่าอนาคตรถ EV ค่ายญี่ปุ่นอาจแซงค่ายจีนในด้านเทคโนโลยีก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจาก Toyota และ Honda มีการวางแผนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นเวลานาน แต่เราคงต้องรอติดตามอัปเดตข่าวสารกันต่อไป
สรุปได้ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยแน่นอนว่ารถ EV จีนเรียกได้ว่าครองตลาดไปเลยก็ว่าได้ เนื่องจากหากมองในด้านภาษีนำเข้า 0% แบรนด์จีนมีความได้เปรียบกว่ารถประเทศอื่นๆ หากเทียบกันในด้านสเปค รถ EV จีนก็จะเป็นทางเลือกเดียวหากต้องการความคุ้มค่า ซึ่งนั่นเป็นโจทย์หลักเวลาคนจะซื้อรถมาขับใช้งาน
แต่อย่างไรก็ต้องมารอติดตามกันอีกที ว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่เคยโด่งดังในไทยอย่าง Toyota และ Honda จะออกมาลงสนามสู่ตลาดรถ EV ในไทยเมื่อไร และนั่นจะทำให้การแข่งขันสนุกยิ่งขึ้น และทำให้คนไทยมีโอกาสเลือกและตัดสินใจซื้อรถ EV ได้มากกว่าในปัจจุบัน