Honda กำลังจะผลิต CR-V FCEV ซึ่งจะเป็นรถไฮโดรเจนคันแรกของแบรนด์ออกจำหน่ายในปีหน้า ซึ่งจะเปิดจำหน่ายก่อนในอเมริกาและญี่ปุ่นก่อน ซึ่งอนาคตเราอาจได้เห็นฮอนด้าผลิตรถไฮโดรเจนเพิ่มมากขึ้น
Honda เป็นอีกหนึ่งบริษัทญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ที่น่าจับตามอง และในขณะนี้กำลังทำการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีไฮโดรเจนเพื่อผลิตรถ CR-V FCEV ซึ่งทำเอาแฟนฮอนด้าตื่นเต้นกันทั่วโลก ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่าการพัฒนารถไฮโดรเจนของฮอนด้านั้นน่าสนใจแค่ไหน
ฮอนด้า ได้เปิดตัวเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเจเนอเรชันใหม่ในงานแสดงสินค้าที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในขณะนี้ทยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้จะใช้กับการใช้งานในยานพาหนะหลากหลายประเภท รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าไฮโดรเจน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และเครื่องจักรในการก่อสร้าง
ปัจจุบันรถไฮโดรเจนยังคงมีผู้เล่นในตลาดไม่มากนัก โดยมีผู้ผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่รายที่ลงทุนในการพัฒนา แต่ฮอนด้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ BMW และ Toyota ก็ได้ร่วมมือกันพัฒนา BMW iX5 เวอร์ชันไฮโดรเจน และล่าสุด General Motors ก็ได้ร่วมพัฒนารถไฮโดรเจนกับฮอนด้า ซึ่งฮอนด้ายังคงเห็นข้อดีและจุดแข็งของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
แม้ว่าฮอนด้ายังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเฉพาะทางเทคนิคเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนไฮโดรเจนเจเนอเรชั่นถัดไป แต่บริษัทอธิบายว่า ไฮโดรเจนสามารถทำระบบได้มีขนาดกะทัดรัด แต่มาพร้อมกำลังขับที่ทรงพลัง ความทนทานที่โดดเด่น และความสามารถในการสตาร์ทเครื่องอย่างรวดเร็ว แม้ในสภาวะอุณหภูมิต่ำ
ฮอนด้าตั้งใจที่จะติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์ CR-V FCEV เวอร์ชันพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่นภายในปี 2567 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการแนะนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไฮโดรเจนออกสู่ตลาด
นอกเหนือจากการคมนาคมขนส่งแล้ว ฮอนด้ายังมองเห็นเทคโนโลยีไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับการใช้งานต่างๆ รวมถึงศูนย์ข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าการผลิตพลังงานที่เชื่อถือได้และยั่งยืน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้เห็นรถไฮโดรเจนของฮอนด้าในหลายๆรุ่น เช่น Honda Accord , Honda Civic เป็นต้น
ปัจจุบันหลากหลายค่ายรถยนต์ได้นำเทคโนโลยีไฮโดรเจนมาพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และจุดเด่นของรถไฮโดรเจนคือสามารถเติมเต็มถังได้รวดเร็วราวกับเติมน้ำมันและใช้เวลาเพียง 3 นาที ก็วิ่งได้ไกลถึง 800-900 กม. ชี้ให้เห็นว่าอนาคตเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้าเสมอไป เพราะรถไฮโดรเจนก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการใช้งาน
ที่มา : arenaev
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :