Avatr 11 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคาดว่าจะมาเปิดโชวตัวจริงพร้อมกับแบรนด์อื่นๆในงาน Motor Expo 2023 นี้ และเข้ามาทำการตลาดในไทยปีหน้า เราจะพามาชมกันว่ารถคันนี้น่าสนใจแค่ไหน น่าซื้อหรือไม่
Avatr 11 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาในรูปทรง SUV ดีไซน์สุดล้ำสมัย โดยผลงานร่วมทุนระหว่าง Changan, CATL และ Huawei ได้รับดีกรีการออกแบบโดย Nader Faghihzadeh อดีตดีไซน์เนอร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และ Creative Director ของ Givenchy ผู้เคยมีผลงานการออกแบบรถเด่นๆ อย่าง BMW 6-series และ BMW 7-series เป็นต้น นั่นยิ่งทำให้รถคันนี้น่าสนใจขึ้นไปอีก
Avatr 11 ยังมีจุดเด่นนอกจากดีไซน์คือระบบอัจฉริยะที่ครบครันที่ได้รับการพัฒนาโดย Huawei และยังมีแบตเตอรี่จาก CATL ที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้สมบูรณ์แบบทั้งสวย ใช้งานได้ดี และยังมีระบบอัจฉริยะเจ๋งๆให้ใช้อีกด้วย เรามาดูสเปคของ Avatr 11 คร่าวๆกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ขนาดตัวรถ Avatr 11 ยาว 4,880 x กว้าง 1,970 x สูง 1,601 ระยะฐานล้อ 2,975 (มม.)
Avatr 11 รุ่นมอเตอร์คู่ 435 kW พละกำลัง 570 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 3.6 วินาที ใช้แบตเตอรี่ 90 kWh/116 kWh ระยะทางที่วิ่งได้ 555 กม. / 680 กม. (มาตรฐาน CLTC)
Avatr 11 รุ่นมอเตอร์เดี่ยว 230 kW พละกำลัง 308 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 6.6 วินาที แบตเตอรี่ 90 kWh/116 kWh ระยะทางที่วิ่งได้ 600 กม. / 705 กม. (มาตรฐาน CLTC)
ทั้งสองรุ่นย่อย รองรับการชาร์จ DC ได้สูสุด 240 kW และถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมการชาร์จ 750V เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที สามารถวิ่งได้ไกลถึง 200 กม.
Avatr 11 มีพื้นที่ห้องโดยสารประมาณ 4-5 ที่นั่ง มาพร้อมกับ Huawei Inside ซึ่งเป็น โซลูชันยานยนต์อัจฉริยะเต็มรูปแบบจาก Huawei และทั้ง 2 รุ่นจะทำงานด้วย HarmonyOS ของ Huawei อีกทั้งยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง AVATRANS เข้ามาในรถนี้อีกด้วย
Avatr 11 มาพร้อมหน้าจอที่ดูคล้ายเหมือนป้ายไฟ ซึ่งเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับรถยนต์ทั่วไปแต่รถยนต์ไฟฟ้าอาจถูกนำมาใช้งานกันในหลากหลายรุ่น ซึ่งในอนาคตเราอาจได้ใช้ประโยชน์จาก
นอกจากนั้น Avatr 11 ยังมาพร้อมกับระบบ GOD (General Obstacle Detection) network ซึ่งจะตรวจจับสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าระบบทั่วๆไป สามารถรับรู้สถานการณ์แปลกๆ เช่น ต้นไม้ล้มกลางถนนหรือรถเอียง
Avatr 11 เปิดตัวในจีนด้วยราคา ราวๆ 1.78 ล้านบาท และคาดว่าจะเข้ามาจำหน่ายในไทยในราคา 2 - 2.5 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม เช่น Nio ES6 , XPeng G9 , BMW iX3 นั่นเอง
Avatr 11 หากเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยจริง ก็ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคลาสพรีเมี่ยมเจ้าแรกๆที่เข้ามาขายในไทยนอกจากแบรนด์ฝั่งยุโรป ซึ่งถือว่า Avatr 11 อาจตอบโจทย์ใครบางคนที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้จริงและยังได้ความหรูหราความสะดวกครบครันในตัว
ที่มา : AVATR
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :