โตโยต้า C-HR HEV E-Four แพลตฟอร์มไฮบริดที่กลับมาอีกครั้ง พร้อมเทคโนโลยีใหม่และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ทำให้ C-HR โฉมใหม่ สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Mode) ได้ถึง 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Toyota C-HR HEV E-Four เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจเนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีสถานีชาร์จเพียงพอนัก ดังนั้นรถไฮบริดจึงตอบโจทย์เรื่องความประหยัดและคุ้มค่าและยังสะดวกสบายอีกด้วย เราลองมาดูกันว่า โตโยต้า C-HR HEV E-Four รุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจกว่ารุ่นอื่นๆบ้าง
สเปก Toyota C-HR HEV E-Four
ข้อมูลโดยคาดการณ์
ขนาดตัวถัง ยาว 4800 มม. กว้าง 1800 มม. สูง 1570 มม. ซึ่งมีขนาดคล้ายกับ bZ Compact SUV ซึ่งเป็นการผสมระหว่าง C-HR รุ่นปัจจุบันกับ Corolla Hatchback เข้าด้วยกัน
ขนาดของตัวรถ C-HR HEV E-Four
ฐานล้อ 2700 มม.
น้ำหนักตัวรถ 1500 กก.
เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.8 ลิตร 4 สูบ
เครื่องยนต์ให้กำลัง 100 แรงม้า
มอเตอร์หน้า 100 แรงม้า
มอเตอร์หลัง 45 แรงม้า
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
อัตราประหยัดน้ำมัน 23 กม./ลิตร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
Toyota C-HR HEV E-Four ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และยังมีแบตเตอรี่ไฟแรงสูงถึง 71.kWh จุดเด่นของรุ่นนี้คือ ความประหยัด แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากสามารถชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าเพื่อใช้ EV mode ได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น
ราคา Toyota C-HR HEV E-Four คาดว่าจะอยู่ราวๆ 1 ล้านต้นๆ เนื่องจากราคาในรุ่น GR Sport ได้เปิดตัวไปแล้วที่ 1.189 ล้านบาท ซึ่งหากเข้ามาในประเทศไทยก็จะทำให้ตลาดรถยนต์ไฮบริดสั่นคลอนไม่น้อย
เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับสาวกโตโยต้าก็คือบริษัทกำลังยื่นขอเครื่องหมายการค้ากว่า 13 รายการในทวีปยุโรป เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม bZ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Toyota bZ series กว่า 30 รุ่น ซึ่ง bZ นั่นย่อมาจาก Beyond Zero ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ย่อยของโตโยต้าท่ีต้องการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า แต่ทางโตโยต้าก็ยังไม่ละทิ้งเทคโนโลยีไฮบริดของตัวเองที่เคยโด่งดังและยังคงนำ C-HR กลับมาพัฒนาอีกครั้งให้เป็นทางเลือกของคนที่ยังไม่ต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) สำหรับใครที่ชื่นชอบแบรนด์โตโยต้า รถรุ่นนี้ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากโตโยต้า C-HR รุ่นก่อนๆก็สามารถทำยอดขายในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี